21 พ.ย.60
ครอบครัวของ
“นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1
ออกมาเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร
ออกมาชี้แจงเหตุนำอวัยวะลูกชายออกจากร่างโดยไม่บอกกล่าว เนื่องจากน้องเมย
เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้เพียง 1 วัน
โดยทางครอบครัวได้รับเพียงใบมรณะบัตรจากโรงเรียนเตรียมทหาร
ที่ระบุสาเหตุว่า เกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
จากนั้นครอบครัวได้จัดพิธีฌาปนกิจที่ วัดวิเวการาม ตำบลบางพระ
จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากครอบครัวต้องการที่จะได้รับผลสนับสนุนและผลการชันสูตรที่แม่นยำ
จึงตัดสินใจนำศพน้องเมยส่งผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
โดยมิได้นำศพเผาจริงในวันฌาปนกิจ
เนื่องจากเกรงว่าจะมีบางสิ่งในร่างกายที่สถาบันแรกอาจตรวจไม่พบ
ซึ่งผลที่ได้รับถึงกับทำให้ครอบครัวตกใจ
เพราะนอกจากจะพบรอยช้ำที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากอะไรแล้ว
ยังพบว่ามีการหักของซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทำ CPR
หัวใจ และยังพบรอยช้ำที่มุมขวาด้านหน้า
เช่นเดียวกับบริเวณแผ่นหลัง นอกจากนี้ยังพบว่าอวัยวะสำคัญหลายชิ้นหายไป
ทั้ง สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ
โดยที่ไม่เคยได้รับการบอกกล่าวจากผู้อำนวยการกองการแพทย์
โรงเรียนเตรียมทหารตั้งแต่เมื่อครั้งที่น้องเมยเสียชีวิต
แต่ครอบครัวกลับได้รับแจ้งเพียงว่า
ขออนุญาตตัดชิ้นเนื้อบางส่วนเพื่อทำสไลด์หาสาเหตุการเสียชีวิตเท่านั้น
(อ่านข่าว : )
วันเดียวกัน
กองบัญชาการกองทัพไทย โฆษกพร้อมกับผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร
แพทย์จากโรงเรียนเตรียมทหาร และแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
ผู้ผ่าชันสูตรพลิกศพนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1
ที่เสียชีวิต ได้ออกมาแสดงความเสียใจ
พร้อมเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารรายนี้ว่า
น่าจะเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่ได้ถูกซ่อมหรือถูกทำโทษแต่อย่างใด
โดยผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหารเปิดเผยว่า ก่อนที่นายภคพงศ์ จะเสียชีวิต
มีอาการเป็นลมจนถูกนำตัวส่งที่กองแพทย์ฯ
จากนั้นหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
แต่ด้วยนายภคพงศ์ยังมีอายุน้อย
ผู้บังคับบัญชาจึงสงสัยว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือไม่
ก่อนมีคำสั่งส่งตัวไปผ่าชันสูตรพลิกศพที่สถาบันพยาธิวิทยา
ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า
พ.อ.นพ.นรุฏฐ์ ทองสอน
รองผอ.กองพยาธิศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า ผู้ผ่าชันสูตรพลิกศพ
เปิดเผยว่า ร่างกายภายนอกไม่พบบาดแผล แต่เมื่อผ่าชันสูตร พบรอยซี่โครงหัก
และรอยช้ำที่บริเวณหน้าอก
แต่ร่องรอยทั้งหมดนี้ยังไม่น่าใช่สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้
และยังไม่ตัดประเด็นว่าเกิดจากการทำ CPR จึงได้ตรวจพิสูจน์อวัยวะส่วนต่างๆ
เพิ่ม เช่น สมอง ห้วใจ กระเพาะ และกระเพาะปัสสาวะ
ซึ่งพบความผิดปกติที่เซลล์หัวใจ
แพทย์จึงลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ส่วนอวัยวะที่หายไป ทางกองพยาธิศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า เปิดเผยว่า
เป็นผู้เก็บไว้เอง เพราะอวัยวะบางส่วน เช่น สมอง และหัวใจ
ต้องนำเข้าสู่กระบวนการทำให้แข็งก่อนจะนำไปสไลด์เป็นชิ้นเพื่อตรวจพิสูจน์
ซึ่งเป็นการทำตามขั้นตอนของกฏหมาย แต่สาเหตุที่ไม่ได้แจ้งญาติ
เป็นเพราะตั้งแต่รับศพมาไม่มีโอกาสได้เจอญาติผู้เสียชีวิตเลย ( อ่านข่าว :
)
22 พ.ย.60
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม ออกมาแถลงข่าว โดย นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รอง
ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ถ้าเป็นในต่างประเทศ
จะมีพยาธิแพทย์โดยเฉพาะมาตรวจสอบอวัยวะสมองกับหัวใจ
เพราะเป็นอวัยวะที่บอกสาเหตุการตายได้
หากไม่พบว่ามีความผิดปกติที่ตรวจพบหรือสังเกตได้ชัดทางด้านคลินิก
ก็จำเป็นต้องนำไปตรวจสอบด้วยวิธีการทางพยาธิวิทยา นอกจากนี้
ยังระบุว่าการนำอวัยวะออกจากร่างกาย
ขึ้นอยู่กับแนวปฏิบัติของแต่ละองค์กรว่าจะแจ้งให้ญาติทราบหรือไม่
โดยมีกรณีที่จะไม่แจ้งให้ญาติทราบได้
หากแพทย์และพนักงานสอบสวนเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี (อ่านข่าว : )
และในวันนี้
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ออกมาให้ความเห็นว่า “น้องเมย” น่าจะมีร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการซ่อม หรือ ธำรงวินัย
ก็เป็นเรื่องปกติที่ทหารทุกคนต้องโดนระหว่างฝึก พร้อมยืนยันว่า
การซ่อมไม่ใช่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน
เพราะเป็นเรื่องปกติในการฝึกอยู่แล้ว “ส่วนตัวก็เคยถูกซ่อมจนสลบ ตอนผมโดน
แต่ผมมันไม่ตาย” พร้อมกล่าวว่า
หากใครต้องการเข้ามาเป็นทหารก็ต้องเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม
อ่านข่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิตว่า
ตนก็เสียใจเพราะเหมือนเป็นน้องผม หลานผม ซึ่งทุกคนที่เข้าไปได้น่าจะแข็งแรง
แต่ผมยังไม่รู้รายละเอียด รู้แต่ว่าเด็กคนนี้ป่วยบ่อย และรักษาเป็นระยะๆ
ไม่มีใครอยากให้ใครตายหรอก
23 พ.ย.60
ครอบครัวของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์
หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 รับอวัยวะสำคัญทั้งสมอง
และหัวใจ ที่สถาบันพยาธิวิทยาศูนย์การแพทย์พระมงกุฎเกล้า ตามที่ร้องขอ
โดยมีร้อยเวรเจ้าของคดีมาเป็นผู้ดำเนินการรับตามกฎหมาย มีผู้อำนวยการ
สถาบันพยาธิวิทยาศูนย์การแพทย์พระมงกุฎเกล้า เป็นผู้ส่งมอบ โดยนายพิเชษฐ์
ตัญกาญจน์ พ่อของผู้เสียชีวิตแสดงความรู้สึกต่อการให้สัมภาษณ์สื่อของ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ในลักษณะเหมือนกับไม่เห็นคุณค่าชีวิตลูกชาย
ซึ่งหลังจากนี้อวัยวะสำคัญทั้งหมดที่ได้รับคืน
ครอบครัวจะส่งต่อให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม
ดำเนินการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตายเป็นครั้งที่ 2
ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต โดยในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1
สัปดาห์จึงจะรายงานผลการชันสูตรได้ (อ่านข่าว : )
24 พ.ย.60
จากที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้กองทัพไทยโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด
รีบติดต่อครอบครัว ‘น้องเมย’ นักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิต
เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ ล่าสุดยังไม่มีสัญญาณการพบกันแต่อย่างใด
หลังพ่อแม่น้องเมยป่วย เข้าโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ ขณะที่ โฆษกกลาโหม
ออกตัวกราบขอโทษแทนพลเอกประวิตร ใช้คำพูดกระทบความรู้สึกครอบครัว (
อ่านข่าว : )