วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

โชคดียิ่งกว่าถูกหวย !! แหวก "หอย" เพื่อประทังชีพ กับบรับทรัพย์อื้อซ่า !! ทีเดียวรวยไม่รู้เรื่อง!!

โชคดียิ่งกว่าถูกหวย !! แหวก "หอย" เพื่อประทังชีพ กับบรับทรัพย์อื้อซ่า !! ทีเดียวรวยไม่รู้เรื่อง!!


 
หญิง สาวรายหนึ่งได้หอยขนาดยักษ์มาตัวหนึ่ง ด้วยความดีใจที่เธอจะมีกับข้าวให้ครอบครัวได้กินกันในมื้อเย็น ไม่รีรอเธอจึงรีบเปิดออกเพื่อนำเนื้อในมาปรุงอาหาร แต่แล้วเมื่อเธอเปิดสำเร็จ สิ่งที่เธอเจออยู่ภายในนั้นกลับทำให้ครอบครัวเธอมีกินมีใช้ไปอีกหลายเดือน เลยทีเดียวเชียว

ใครจะไปคิด นึกว่าหอยยักษ์

เมื่อผ่าออกมาถึงกับสดุ้งกันเลยทีเดียว !!





เมื่อผ่าออกมาถึงกับสดุ้งกันเลยทีเดียว !!

อยากรู้ว่าเธอเจออะไร ต้องดูครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

10 ข้อห้าม อย่าทำขณะมีเซ็กซ์ เด็ดขาด!!!!


10 ข้อห้าม อย่าทำขณะมีเซ็กซ์ เด็ดขาด!!!!

10 ข้อห้าม อย่าทำขณะมีเซ็กซ์ เด็ดขาด
เรียกได้ว่าจุดบกพร่องในเกมรัก ใครๆ ก็สามารถพลาดพลั้งกันได้ แต่ถ้ามาจากความไม่ใส่ใจ เราก็ไม่อยากให้คุณเป็นแบบ 10 ข้อ ดังต่อไปนี้เลย...
1. เมื่ออาวุธลับ กลายอาวุธเล็ก ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่าทำตัวเป็นแมลงวันที่หลับหูหลับตาบินลงไปในถ้วยช็อกโกแลต แต่ก็ควรเรียนรู้เทคนิคเสริมบ้าง เพื่อช่วยเติมในบางลีลาและจังหวะรัก จงพยายามให้ท่อนขาของเธอเบียดชิดกันเสมอ เพื่อความกระชับแน่นและรับรสสัมผัส ขณะสอดใส่มากขึ้น
2. อย่ามัวแต่สอน ผู้ชายหลายท่านทำเหมือนว่าเธอเป็นเด็กนักเรียน อย่างเช่น ทำตรงนั้นแหละ ใช้มือสิ ใช้ปากสิ ชี้นำด้วยการดึงมือเธอไปวางไว้ยังที่ที่คุณต้องการ จนเธอรู้สึกถึงความไม่มั่นใจ ขาดอิสระ จนหมดอารมณ์ได้ในที่สุด
3. ร่วมรักทางประตูหลัง โดยแกล้งทำเป็นเรื่องบังเอิญ ทำทีเหมือนเดินเข้าผิดบ้าน ถ้าต้องการเช่นนั้น ควรถามความเห็นจากเธอเสียก่อน และถ้าเธออยากมีประสบการณ์ด้านหลังบ้าง ก็ควรหาผู้ช่วยด้านการหล่อลื่นทุกครั้ง
4. เร่งจังหวะในปาก การกระแทกกระทั้นน้องชายเข้าไปในปาก อาจกระทบถึงต่อมทอนซิลของเธอได้ หรือไม่ถ้าอีกฝ่ายเป็นแผลในปาก ก็อาจติดเชื้อโรคระหว่างกัน ดังนั้นจะทำอะไรควรไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่ออารมณ์คะนองมาถึง จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด




5. ออรัลได้ แต่ไม่ควรบังคับ จงอย่ากดหัวเธอลงไปเพื่อทำออรัลให้คุณ เพราะผู้หญิงไม่ปลื้มกับการบีบบังคับ ในช่วงเวลาที่น่าจะผ่อนคลาย หรืออาจคิดว่าคุณกำลังใช้เธอต่างทาส เหมือนอยู่ในยุคลากผู้หญิงเข้าถ้ำ แต่จงชักนำเธอด้วยอาการค่อยเป็นค่อยไป และเต็มใจที่จะทำเพื่อคุณจะดีกว่า
6. สนใจแต่ช่องรักของเธอ ผู้ชายส่วนใหญ่หาคลิตอริสของผู้หญิงเจอ โดยไม่ต้องกางแผนที่ก็จริงอยู่ แต่เมื่อเจอแล้วกับดูเหมือนไล่ตะครุบธนบัตรปลิวลม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ แต่ควรสัมผัสอย่างนุ่มนวล เพื่อดูว่าเธอชอบหรือไม่ชอบ
7. หยุดพักกลางคัน ผู้หญิงมีอารมณ์ต่างจากผู้ชาย หากมีการหยุดพักในระหว่างเกมรัก อารมณ์ต่อเนื่องของเธอจะหยุดลงทันทีทันใด และต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ผู้ชายสามารถต่อเนื่องได้เลย แต่หากจำเป็นต้องหยุด คุณก็ควรอยู่ใกล้ พอที่จะใช้มือไม้ลูบไล้สัมผัสเธออย่างต่อเนื่องได้
8. ทิ้งร่องรอยบนร่างกาย เนื่องจากอาการมันเขี้ยว จนคุณอาจขบเคี้ยวและกัดเธอเล่น ไม่ว่าจะเป็นดูดไปที่คอ หรือต้นแขน จนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ ไปทั้งสัปดาห์ จงอย่าทำร้ายเธอแบบนั้นเลย
9. เริ่มยกใหม่เร็วเกินไป เมื่อจบเกมรักแต่ละครั้ง คลิตอริสของเธอจะอ่อนตัวลง การเริ่มต้นใหม่ก็ควรค่อยเป็นค่อยไป และเล้าโลมเธออีกครั้งอย่างช้าๆ และนุ่มนวล
10. ผละจากเธอหลังเกมรัก เมื่อฉากเร่าร้อนถึงคราวยุติ อย่าเอาแต่พลิกตัวกลับ แล้วหลับกรนสนั่น เพราะว่าเธอนั้นยังตื่นอยู่ จงกอดเธอสักนิด และเอ่ยกระซิบคำหวานข้างหู เธอจะรู้สึกอบอุ่นใจ ว่าคุณไม่ได้ทอดทิ้งเธอไปไหน...

10 ข้อห้าม อย่าทำขณะมีเซ็กซ์ เด็ดขาด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
FHM

อึ้งไป 3 วิ!! ดูไบเมืองในฝัน มีแต่เศรษฐีใส่ทองกันทั้งเมือง แต่เมื่อไปดูที่บ่อขุดทอง เจอแบบนี้ น้ำตาแทบไหล

อึ้งไป 3 วิ!! ดูไบเมืองในฝัน มีแต่เศรษฐีใส่ทองกันทั้งเมือง แต่เมื่อไปดูที่บ่อขุดทอง เจอแบบนี้ น้ำตาแทบไหล


ไม่อยากจะเชื่อว่านครดูไบที่เต็มไปด้วย มหาเศรษฐี ร้านทองทั่วเมือง แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะได้ทองเหล่านี้มามีคนอีกกลุ่มที่ต้องใช้แรงกายมหาศาล แลกกับค่าจ้างอันน้อยนิด เห็นแล้วก็บอกกับตัวเองว่าเราโชคดีแค่ไหนที่มีงาน มีเงินใช้ทุกเดือน แม้ไม่มีทองใส่ก็ตาม แต่เมื่อตุณได้เห็นภาพเหล่านี้แล้ว ทำเอาน้ำตาแทบไหลเมื่อเป็นแบบนี้
ใช้แรงงานหนัก

ใช้แรงงานหนัก

เหมืองทอง

เหมืองทอง

สวยงาม

สวยงาม

ชุดทองคำ

ชุดทองคำ

เครื่องประดับทองคำ

เครื่องประดับทองคำ

ร้านขายทอง

ร้านขายทอง

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

ดูด่วนบ้านใครมี! ''หญ้างวงช้าง'' วัชพืชสามารถรักษาได้สารพัดโรค ... หลายคนอาจไม่รู้ว่าเป็นยาขั้นดี!


ดูด่วนบ้านใครมี! ''หญ้างวงช้าง'' วัชพืชสามารถรักษาได้สารพัดโรค ... หลายคนอาจไม่รู้ว่าเป็นยาขั้นดี!


การเก็บมาใช้
เก็บทั้งต้นที่เจริญเต็มที่ มีดอก ล้างให้สะอาด ใช้สดหรือตากแห้ง เก็บเอาไว้ใช้ก็ได้
สรรพคุณ
ทั้ง ต้น รสขมสุขุม ใช้เป็นยาเย็น แก้กระหายน้ำ ดับร้อนใน ขับปัสสาวะ แก้บวม แก้พิษปอดอักเสบ มีหนองในช่องหุ้มปอด เจ็บคอ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เด็กตกใจในเวลากลางคืนบ่อยๆ ปากเปื่อย แผลบวม มีหนอง และแก้ตาฟาง
วิธีและปริมาณที่ใช้
กิน ใช้ยาสดหนัก 30-60 กรัมต้มกิน หรือคั้นเอาน้ำมาผสมน้ำผึ้งกิน
ใช้ภายนอก ต้มเอาน้ำชะล้าง หรือคั้นเอาน้ำมาอมบ้วนปาก

ข้อห้ามใช้ หญิงมีท้องห้ามกิน
ตำรับยา
แก้ปวดท้อง ใช้ต้นนี้สดหนัก 30-60 กรัมต้มน้ำกิน
แก้ปอด อักเสบปอด มีฝีเป็นหนองมีหนอง ในช่องหุ้มปอด ใช้ทั้งต้นสด 60 กรัม ต้มผสมน้ำผึ้งกิน หรือใช้ทั้งต้นสด 60-120 กรัม ตำคั้น เอาน้ำมาผสมน้ำผึ้งกิน
แก้ปากเปื่อยเน่า ใช้ใบสดตำคั้นเอาน้ำอมบ้วนปากวันละ 4-6 ครั้ง
แก้แผลฝีเม็ดเล็กๆ มีหนอง ใช้รากสด 60 กรัม ผสมเกลือเล็กน้อย ต้มน้ำกิน แล้วใช้ใบสดตำกับข้าวเย็นพอแผลอีกด้วย
รายงานผลทางคลินิกของจีน
ใช้แก้ แผลมีหนอง ฝีเม็ดเล็กๆ ใช้ทั้งต้นแห้งหนัก 50 กรัม หั่นเป็นฝอยผสมน้ำ 1,000 กรัม ใช้ไฟอ่อนต้มจนเหลือ 500 มิลลิกรัม แบ่งกินครั้งละ 20 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เด็กก็ลดปริมาณลงตามส่วน จากคนไข้ 213 ราย, กินยา 1-3 วัน หาย 73 ราย, กินยา 4-5 วัน หาย 96 ราย, กินยา 6-10 วัน หาย 52 ราย กินยา 10 วันขึ้นไป หาย 28 ราย จากการทดสอบเบื้องต้น พบว่ายานี้มีผลต่อฝีเล็กๆ ที่เริ่มเป็นหนอง และระยะเริ่มเป็นหนองแล้ว (มีเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว) แต่ในระยะเริ่มเป็นจะใช้ได้ผลดีกว่า

"หน้ามัธยม นมมหาลัย"


"หน้ามัธยม นมมหาลัย"


มาดูกันให้ตาเยิ้มกันไปเลย แอบส่องสาวไทยหน้าตาน่ารักใสๆ แบ๊วๆ แต่หน้าอกหน้าใจไม่ธรรมดาเลยแถมความเซ็กซี่ก็ล้นเหลือจริงๆ แบบนี้เขาเรียกว่าพิมพ์นิยม หนุ่มๆ ที่ไหนก็ชอบก็หลงแน่นอน ทั้งสวยเซ็กซี่น่ารัก จะมีใครไม่ชอบกันมั่งละครับ เอาเป็นมาดูกันเลยว่าใครจะสวยกว่าใคร แต่ก่อนอื่นขอแอดส่องไว้สักคนก่อนน่ะครับ
น่ารักใสๆค่ะ

น่ารักใสๆค่ะ

ยิ้มค่อยๆโลกสดใส

ยิ้มค่อยๆโลกสดใส

เลิศมากค่ะ

เลิศมากค่ะ

โอ้ยใจละลาย

โอ้ยใจละลาย

สุดยอด





สุดยอด


งามแท้เน๊าะ

งามแท้เน๊าะ


โอ้ยโดนใจ

โอ้ยโดนใจ

เด็กแว่นก็มา

เด็กแว่นก็มา

อย่ามองแบบนี้

อย่ามองแบบนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

หนึ่งในเรื่องลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้ !! คดีปริศนา 9 ศพ "บนเขามรณะ" ยิ่งสืบลึก ยิ่งน่าพิศวง ยิ่งหลอนขวัญผวา!!

หนึ่งในเรื่องลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้ !! คดีปริศนา 9 ศพ "บนเขามรณะ" ยิ่งสืบลึก ยิ่งน่าพิศวง ยิ่งหลอนขวัญผวา!!

วันนี้เราทีมขอนำเสนอเรื่องราวที่ยังคงเป็นปริศนาจนมาถึงทุกวันนี้มาให้ท่านได้อ่านกันนะ ครับ และเรื่องหนึ่งที่ยังคงหาคำตอบไม่ได้ นั่นก็คือเรื่องนี้ The Dyatlov Pass Incident เป็นคดีเกี่ยวกับการตายของนักเล่นสกีชาวรัสเซีย 9 คนที่ที่เสียชีวิตพร้อมกันอย่างลึกลับบนเขาหิมะในลักษณะการตายที่แปลกประหลา

The Dyatlov Pass Incident

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1959 ในช่องเขาดยัตลอฟ (Dyatlov Pass) ที่ตั้งอยู่ในเขายูราล (Ural Mountain) เทือกเขาโคแลต สแยกหล์ (Kholat Syakhl) ทางตะวันตกของประเทศรัสเซีย จุดหมายปลายทางของการปีนเขาครั้งนี้อยู่ที่เขาโอทอร์เทน (Otorten) แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเขาไปไม่ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ ภาษาพื้นเมืองของชนเผ่า Mansi เขาโอทอร์เทน มีความหมายว่า "ภูเขาของคนตาย" (บ้างก็เรียกว่า "ภูเขามรณะ")

ทีมสำรวจ

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคม 1959 อิกอร์ ดยัตลอฟ (Igor Dyatlov) วัย 23 ปี ผู้หลงใหลการเล่นสกีหิมะได้ชักชวนเพื่อนผู้ที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันนั้นให้ร่วมเดินทางไปกับเขาด้วยอีก 9 คน หญิง 2 คนของการสำรวจนี้คือ ซิไนด้า กอลโมโกโรวา (Zinaida Kolmogorova) และ ลยุดมิลา ดูบินิน่า (Lyudmila Dubinina) ที่เหลือเป็นชาย 7 คนคือ อเล็กแซนเดอร์ โคลีวาตอฟ (Alexander Kolevatov) รัสเตม สโลโบดิน (Rustem Slobodin) ยูริ คริโวนิเชนโก้ (Yuri Krivonischenko) ยูริ โดโรเชนโก้ (Yuri Doroshenko) นิโคไล ทิบอกซ์บริจนอลลี (Nicolai Thibeaux-Brignolle) อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ (Alexander Zolotarev) และ ยูริ ยูดิน (Yuri Yudin)

ออกเดินทาง

บุคคลทั้งหมดเป็นนักศึกษาสถาบันยูรัลโพลีเทคนิคอล พวกเขาออกเดินทางเพื่อไต่ขึ้นบนยอดเขาโอตอร์เทน (Otorten) แม้ว่าการเดินทางขึ้นสู่เทือกเขาโอตอร์เทนในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะถูกจัดอันดับให้เป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด แต่ทีมนักเล่นสกีชุดนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผ่านประสบการณ์การไต่เทือก เขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะมาแล้วหลายครั้ง และแล้วก็ถึงวันออกเดินทาง เช้าวันที่ 27 มกราคม 1959 ทีมนักสำรวจทั้ง 10 ก็ออกเดินทางจากวิซไฮ (Vizhai) เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนตั้งอยู่เหนือสุดในภูมิภาค โดยมี อิกอร์ ดยัตลอฟ (Igor Dyatlov) เป็นหัวหน้าขณะเดินทางในครั้งนี้ (ภายหลังชื่อของของเขานั้นได้ถูกตั้งตามนามสกุลของเขานั่นเอง)

เริ่มออกเดินทางแล้ว

แต่แล้ววันที่ 28 มกราคม ยูริ ยูดิน หนี่งในนักปีเขานั้นเกิดป่วยกะทันหัน เขาจึงถูกบังคับให้เดินทางกลับก่อน เขาจึงเป็นผู้เดียวที่รอดมาจากเหตุการเลวร้ายในครั้งนั้น ทีมนักเดินทางจึงเหลือเพียงแค่ 9 คน ผ่านไปหนึ่งวัน พวกนักเดินทางที่เหลือจึงเริ่มการเก็บบันทึกทั้งการเขียนลงไดอารี่และถ่าย รูป และวันที่ 31 มกราคม พวกเขาจึงเริ่มต้นในการไต่เขาขึ้นไป เป็นระเบียบปฏิบัติสำหรับนักไต่เขาที่ จะต้องระบุวันเดินทางกลับเอาไว้ เพื่อผู้คนรู้ถึงกำหนดการหากว่าพวกเขายังไม่กลับมาตามวันที่กำหนดจะได้ส่ง ทีมกู้ภัยไปช่วยเหลือขึ้นไปค้นหาได้ทัน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ อิกอร์กำหนดว่าจะทำการติดต่อเพื่อนในคลับเมื่อกลับลงมาจากเขาภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์

ซิไนด้า กอลโมโกโรวา และ ลยุดมิลา ดูบินิน่า

และแล้ววันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก็มาถึง แล้วก็ผ่านไป คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตื่นตระหนกเลยถึงเรื่องแบบนี้ เพราะความล่าช้าไม่ได้เป็นเรื่องแปลกสำหรับการเดินทาง อีกอย่างพวกเขาเป็นถึง 9 นักไต่เขาผู้ที่มากไปด้วยประสพการณ์


หลังจากที่ทนรอจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อนๆ และครอบครัวก็มั่นใจว่ามีสิ่งปรกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงแจ้งเรื่องไปยังหน่วยกู้ภัยให้ออกค้นหา โดยประกอบไปด้วยคณะอาจารย์และนักศึกษา พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ ส่งเครื่องบินเล็กและเฮลิคอปเตอร์ ออกสำรวจ

เฮลีคอปเตอร์รำแรกที่ถูกส่งออกตามหา

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทีมกู้ภัยก็ได้พบเต็นท์ร้างของทีมนักเล่นสกีบนเชิงเขาโคแลต สแยกหล์ สภาพเต็นท์ทุกหลังจมใต้กองหิมะ มีรอยถูกฉีกขาดจากด้านในจนยับเยิน ข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ในเต็นท์ครบถ้วน แต่ไม่พบนักเล่นสกีแม้แต่คนเดียวในบริเวณนั้น มีเพียงรอยเท้ามุ่ง ตรงไปยังเขตป่าไม้ ทีมกู้ภัยจึงแกะตามรอยเท้าไปเป็นระยะทางเกือบกิโลเมตร พวกเขาก็พบเข้าก็ร่างที่ไร้วิญาณของนักไต่เขา ของ ยูริ คริโวนิเชนโก้ กับยูริ โดโรเชนโก้ จมอยู่ใต้หิมะ การหนีออกมานอนหนาวตายในสภาพที่นุ่งเพียงชุดชั้นในไม่สวมรองเท้า บริเวนใกล้ เคียงยังพบรอยหักของกิ่งสนสูง 5 เมตร ที่อยู่ใกล้ๆ กองไฟทำให้เชื่อว่าใครคนใดคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อมองหาอะไรสักอย่าง

Yuri Krivonischenko และ Yuri Doroshenko

และเมื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ ก็พบร่างของ อิกอร์ ดยัตลอฟ ซิไนด้า กอลโมโกโรวา และรัสเตม สโลโบดิน ดูเหมือนว่าทั้งสามคนกำลังเดินทางกลับเต็นท์เพราะทนความหนาวเย็นไม่ไหว แต่ไม่มีร่องรอยของคนที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น การชันสูตรพลิกศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 คนไม่พบร่องรอยบาดแผล หรือการทำร้ายแต่อย่างใดบนร่างกาย และได้สรุปออกมาว่าพวกเขาเสียชีวิตเนื่องจากสภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า ปกติ (hypothermia)

ศพทั้ง3

หลังจากนั้นอีก 2 เดือน วันที่ 4 พฤษภาคม ทีมกู้ภัยก็พบร่างที่เหลือของทีมนักไค่เขาที่เหลือจมอยู่ใต้กองหิมะลึงลงไป ถึง 4 เมตร ลึงเข้าไปอีกในป่าเดียวกัน สภาพภายนอกของทุกศพไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ บนร่างกายเหมือน 5 ศพแรกที่พบแต่แล้วเมื่อทำการชันสูตรถึงกับต้องช็อค อเล็กแซนเดอร์ โคลีวาตอฟ เสียชีวิตจากร่างกายบอบช้ำภายในอย่างรุนแรง นิโคไล ทิบอกซ์บริจนอลลี กะโหลกศีรษะร้าว อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ และลยุดมิลา ดูบินิน่า ซี่โครงหักหลายแห่ง ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงโดย เฉียบพลัน ราวกับการถูกรถยนต์ที่แร่นด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชน และบนเสื้อผ้าของพวกเขายังตรงเจอกการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีอีกด้วย กล้องที่ห้องอยู่ที่คนนั้นถูกน้ำจากหิมะกัดจนไม่สามารถระบุได้ว่าพวกเขาถ่าย ภาพอะไรกันไว้

ศพคนอื่นที่เหลือ

ถึงจะผ่านมาแล้วนับสิบปี ก็ยังคงเป็น ปริศนามาจนทุกวันนี้ คำถามมากมายยังเป็นที่สงสัย ทำไมพวกเขาไม่ตั้งเต็นท์ในป่าที่มีอุนห์ภูมิที่อุ่นกว่า ทำไมพวกเขาต้องหนีออกจาเต็นท์ รังสีที่ว่านั้นคืออะไรมากจากไหน ทำไมศำของหนึ่งในผู้เสียชีวิตถึงไม่มีลิ้น รอยเท้ามีแต่ของพวกเขาเองแล้วของผู้กระทำไปไหน เยอะแยะมากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้และคงไม่มีทางที่จะได้คำตอบด้วย
และนี่คือภาพถ่ายภาพสุดท้ายจากกล้องของพวกเขา ไม่มีใครบอกได้ว่ามันคือภาพอะไรกันแน่


suriya mardeegun