วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

รักเธอสุดหัวใจ!! น้องหมาเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อกลับไปหาหญิงผู้ช่วยชีวิตมัน

รักเธอสุดหัวใจ!! น้องหมาเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อกลับไปหาหญิงผู้ช่วยชีวิตมัน

การบอกความรู้สึกของสัตว์นั้นไม่มีคำพูดใดๆ เพราะมันพูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่ก็สามารถสื่อออกมาให้มนุษย์รับรู้ได้ผ่านจากท่าทางและการกระทำของมัน เพื่อเป็นการบอกว่าฉันคิดกับเธออย่างไร

back-for-savior (1)

อย่างเช่นเรื่องราวของเจ้าสุนัขสีดำที่ชื่อว่าเจ้า Shavi จากประเทศรัสเซียตัวนี้ ก่อนหน้านั้นมันต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เป็นสุนัขจรจัดที่ต้องทนหนาวและทนหิวไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็ถูกรถชนและถูกทิ้งไว้ในสภาพใกล้จะสิ้นชีวา

back-for-savior (6)

โชคดีที่มีพลเมืองดีพามันไปรับการรักษาได้ทันเวลา ก่อนที่ร่างกายอันบอบช้ำจะถูกอากาศหนาวคร่าชีวิต หลังจากนั้นก็ได้ทำการประกาศหาเจ้าของใหม่เพื่อนำมันไปเลี้ยง และแล้วโชคชะตาก็ได้นำพามันมาพบกับ Nina Baranovskaya หญิงผู้เป็นแม่พระที่ตอบรับเลี้ยง Shavi เพียงผู้เดียว

back-for-savior (3)

Nina ได้พาเจ้า Shavi กลับมาพักอาศัยอยู่ที่แฟลตเล็กๆ ใน Rostov-on-Don เธอช่วยทำกายภาพบำบัดให้ ช่วยให้มันกลับมาเดินได้อีกครั้ง และสอนให้เรียนรู้คำสั่งพื้นฐานต่างๆ ปลอบใจยามได้ยินเสียงรถยนต์ ให้กำลังใจและดูแลเมื่อมันต้องได้รับการผ่าตัดจนหายดีในที่สุด

back-for-savior (2)

แต่เนื่องจากแฟลตของเธอเล็กเกินไป อีกทั้งมีสุนัข 2 ตัว และแมวอีก 3 ตัว อยู่ภายใต้การดูแลของเธออยู่แล้ว Nina จึงจำเป็นที่จะต้องหาเจ้าของใหม่ ซึ่งก็มีเพียงเพื่อนเธอคนเดียวที่ยอมตกลง แถมยังอยู่ห่างไกลกว่า 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว

back-for-savior (5)

ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี หวังว่าบ้านใหม่จะทำให้เจ้า Shavi มีความสุข แต่กลับกลายเป็นว่าเช้าอีกวันถัดมา เพื่อนของเธอโทรมาบอกว่าเจ้า Shavi ได้หายตัวไป โดยทำการขุดหลุมใต้รั้วแล้วก็ลอดออกไปจากบ้าน ทำให้เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

back-for-savior (4)

จนกระทั่งเวลาผ่านไปราว 2 สัปดาห์ ในระหว่างที่ Nina กำลังเดินอยู่บนถนน จู่ๆ ก็มีอะไรก็ไม่รู้มาพัวพันกับขาของเธอ และนั่นก็คือเจ้า Shavi ที่เดินทางไกลเพื่อกลับมาหาเธอนั่นเอง!! ทั้งคู่ก็โผเข้าโอบกอดกัน ความรู้สึกผูกพันที่มีไม่จางหายไปเลย

back-for-savior (8)

สุดท้ายแล้ว Nina ก็ได้ย้ายไปยังที่พักใหม่ พื้นที่กว้างขวางพอที่จะรับเจ้า Shavi มาอยู่ด้วยได้ โดยที่เธอนั้นได้บอกเอาไว้ว่า Shavi จะไม่ไปไหนอีกแล้ว มันจะอยู่กับเธอไปจนชั่วชีวิต
ที่มา : lifewithdogs

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ทะเลสาบสวยๆทั่วโลก

Five-Flower Lake – ทะเลสาปห้าสี – อุทยานจิ่วจ้ายโกว เมืองเฉินตู ประเทศจีน




สะกดตาด้วยสีสัน “ทะเลสาปห้าสี” หรือทะเลสาปกระจก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารสวรรค์จิ่วจ้ายโกว (หุบเขาชาวธิเบตเก้าหมู่บ้าน) ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน อุทยานดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO
เมื่อปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ.2535) และเป็นเขตสงวนชีวมณฑล หรือ World Biosphere
Reserve เมื่อปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)
ความงดงามแห่งสีสันของน้ำในทะเลสาปห้าสี เกิดจากแคลเซียม คาร์บอเนต
และบรรดาพืชน้ำชนิดต่างๆ ที่เจริญเติบโตอยู่ในทะเลสาป
ทำปฏิกิริยากันจนส่งผลให้น้ำใสแจ๋วราวกับกระจก
นักท่องเที่ยวจึงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
บวกกับภาพทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าสะท้อนลงบนผิวน้ำจนเกิดเป็นความ
มหัศจรรย์แห่งสายตา


Spotted Lake -  – ประเทศแคนาดา



มองแวบแรกชวนให้นึกถึงผิวดวงจันทร์ แท้จริงแล้วคือ “สปอท เลค” ทะเลสาปย่านถนนไฮเวย์ เมืองโอซอยออส รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา มีขนาดกว้างถึง 38 เอเคอร์ (96 ไร่) คนบางกลุ่มเรียกทะเลสาปแห่งนี้ตามภาษาพื้นเมืองว่า “Klikuk” “สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาปที่มีแร่ธาตุนานาชนิด และบางชนิดเคยถูกนำมาใช้ผลิตเป็นลูกกระสุนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มาแล้ว แม้กระทั่งโคลนและน้ำในทะเลสาปแห่งนี้ยังมีคุณสมบัติในการรักษาโรค เสียดายที่ทะเลสาปแห่ง
นี้อยู่ในที่ดินของเอกชน (ทางการพยายามติดต่อขอซื้อมาเป็นเวลากว่า 20 ปี
เพื่อขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ แต่ยังไม่สำเร็จ)
นักท่องเที่ยวและผู้ที่จะมาชม “สปอท เลค” จึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น


ทะเลสาปบนปล่องภูเขาไฟเคลิมูตู บนเกาะฟลอเรส ประเทศอินโดนีเซีย





“เคลิมูตู” คือ ภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บนเกาะฟลอเรส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซุนดาน้อย ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณปากปล่องเป็นที่ตั้งของ ทะเลสาป 3 สี ได้แก่ ทะเลสาป Tiwu Ata Mbupu ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและมีสีน้ำเงิน ส่วนทะเลสาปที่
อยู่เคียงคู่กันทางทิศตะวันออก คือ ทะเลสาป Tiwu Nuwa Muri Koo Fai
ซึ่งมีสีเขียว และทะเลสาป Tiwu Ata Polo ที่มีสีแดง ทะเลสาปสีน้ำเงิน


Boiling Lake – ทะเล(สาป)เดือด – ประเทศโดมินิกา





“Boiling Lake” ทะเลสาปสีน้ำเงินเทา ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ “Morne Trois Pitons National Park” ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศโดมินิกา
(คนละประเทศกับโดมินิกัน)
ทะเลสาปแห่งนี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
(รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์) มีความกว้างราว 60
เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส
แต่ยังไม่สามารถวัดอุณหภูมิใจกลางทะเลสาปที่กำลังเดือดได้
(ประมาณว่าร้อนปรอทระเบิด) ระดับน้ำภายในทะเลสาปมีการขึ้น-ลงตลอดเวลา
และเคยแห้งเหือดหายไป เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)
และกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง
โดยที่ยังคงอยู่ในสภาพเดือดพลุ่งพล่านเหมือนเดิม
การเดินทางมาชมความงามของทะเลสาปแห่งนี้
ต้องใช้วิธีดั้นด้นเพราะทำได้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น คือ “การเดินเท้า”
ผ่านบ่อกำมะถัน และไต่เขาที่มีลักษณะลาดชันเป็นระยะทางทั้งสิ้น 13 กม.


Laguna Colorada – ทะเลสาปลากูน่า โคโลราด้า หรือเรด ลากูน – ประเทศโบลิเวีย





“ลากูน่า โคโลราด้า” ทะเลสาปสีแดง เป็นทะเลสาปน้ำเค็มและตื้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ภายในอุทยานแห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna ใกล้กับพรมแดนของประเทศชิลี ทะเลสาปแห่งนี้ประกอบด้วยสันดอนบอแรกซ์สีขาวสว่างที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ ตัดกับสีแดง ของน้ำในทะเลสาปที่เกิดจากตะกอนและสีของสาหร่าย อันเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของนกฟลามิงโก้หลายสายพันธุ์


Plitvice Lakes – ทะเลสาปพลิทวิเซ่ – ประเทศโครเอเชีย





ทะเลสาปพลิทวิเซ่ เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติทะเลสาปพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ประกอบด้วยทะเลสาปมาก
ถึง 16 แห่ง ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ
และถูกกั้นออกจากกันโดยเขื่อนธรรมชาติซึ่งเกิดจากคราบหินปูนที่ทับถมกันจน
เป็นชั้นหนา ในแต่ละปี มอส สาหร่าย และแบคทีเรีย
จะแพร่ขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้เขื่อนกั้นทะเลสาปมีความสูงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 1 ซม.
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทะเลสาปแห่งนี้จึงเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดราวๆ
อาทิ หมีสีน้ำตาล นกอินทรี และนกชนิดอื่นๆ อีกราว 140 สายพันธุ์ องค์การ UNESCO จึงประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานแห่งชาติทะเลสาปพลิทวิเซ่ ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1979 (พ.ศ. 2522)


Lake Titicaca – ทะเลสาปติติกากา – ประเทศโบลิเวียและเปรู





“ติติกากา” ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของประเทศโบลิเวียและเปรู ถือเป็นทะเลสาปที่
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่าทะเลสาปใดๆ ในโลก (เหนือระดับน้ำทะเล 12,500
ฟุต) และมีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ (เมื่อพิจารณาตามปริมาณน้ำ) อีกด้วย
แม้ว่าปริมาณน้ำอันมหาศาลในทะเลสาปแห่งนี้จะมาจากน้ำฝน ธารน้ำแข็งที่ละลาย
แม่น้ำสายหลัก 5 สาย และลำธารขนาดเล็กอีก 20 แห่ง
แต่ช่องทางในระบายน้ำออกจากทะเลสาปแห่งนี้มีเพียงทางเดียวคือ การไหลออกทางแม่น้ำริโอ เดอซากัวเดโร
แต่ก็ไหลออกได้เพียง 10 %
ของปริมาณน้ำทั้งหมดที่ไหลเข้ามาในทะเลสาปเท่านั้น ส่วนกระแสน้ำไหลเข้าอีก
90 % ที่เหลือจะถูกสมดุลโดยธรรมชาติ ซึ่งก็คือการ “ระเหย” ออก โดยอาศัยกระแสลมที่พัดแรงและแสงแดดจัดเป็นตัวช่วย


Dead Sea – ทะเลสาปเดดซี – ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล





ทะเลสาป “เดดซี” อยู่ระหว่างจอร์แดนและอิสราเอล โดยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในบรรดาทะเลทั้งหลาย สาเหตุที่เรียกว่าเดดซีเพราะ
ทะเลสาปแห่งนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งอื่น
เมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลสาประเหยขึ้น
แต่เกลือยังตกค้างอยู่ในบริเวณเดิมทำให้น้ำในทะเลสาบเดดซีมีความเค็มมากกว่า
น้ำทะเลปกติถึง 8.6 เท่า จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
ทำให้ถูกตั้งชื่อว่า “เดดซี”
หรือทะเลสาปมรณะนั่นเอง กล่าวกันว่า เกลือและโคลนดำจากทะเลสาป เดดซี
ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ
มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งทั้งทางด้านการรักษาโรคและเสริมความงาม
จึงมีผู้นำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย


Pitch Lake – ทะเลสาปพิตช์ – สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก





“ทะเลสาปพิตช์” อยู่ในเมือง La Brea ของตรีนิแดด ถือเป็นแหล่งยางมะตอยที่
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ
ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของทะเลสาปแห่งนี้
เกือบ 2 หมื่นคน นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาแล้ว
ทะเลสาปพิตช์ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของบริษัทผู้ส่งออกปูนซิเมนต์
และเป็นแหล่งของยางมะตอยที่นำมาใช้ในการราดผิวถนนทั้งในตรินิแดดและโตเบโก


Nakuru Lake – ทะเลสาปนากูรู – ประเทศเคนยา





“นากูรู” เป็นทะเลสาปในอุทยานแห่งชาติทะเลสาปนากูรู ในเขตริฟท์ วัลเล่ย์ หรือเขตที่ราบสูงและหุบเขาใจกลางประเทศเคนย่า
เนื่องจากน้ำในทะเลสาปแห่งนี้มีความ ลึกเพียงไม่กี่เมตร
ทั้งยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุและสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว
จึงเป็นแหล่งอาหารอันโอชะของฝูงนกฟลามิงโก้สีชมพูจำนวนมหาศาล นอกจากนกฟลามิงโก้แล้ว บริเวณโดยรอบยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกชนิดต่างๆ อีกมากกว่า 400 สายพันธุ์ จึงถือเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก


ที่มา : http://www.bsnnews.com

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หลุมแบริงเจอร์ : Barringer crater

หลุมแบริงเจอร์ : Barringer crater

สำรวจโลก_Barringer_Crater_lg หลุมแบริงเจอร์ : Barringer crater เป็นหลุมที่เกิดจากอุกาบาต ตั้งอยู่ที่รัฐแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา อายุ 49,000 ปี เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 กิโลเมตร ลึก 174 เมตร เป็นหลุมอุกาบาตที่ชัดเจน และคงสภาพเดิมไว้ได้มากที่สุด และมีขอบสูงกว่าที่ราบโดยรอบ 45 เมตร

จากหลักฐานเชื่อว่าเกิดจากดาวตกที่พุ่งเข้าชนมีนิกเกิลเหล็กเป็นองค์ ประกอบหลัก ขนาดราว 45 เมตร ความเร็ว 12.8 กิโลเมตรต่อวินาที พลังงานในการชนครั้งนั้น เทียบเท่ากับระเบิด ทีเอ็นที หนัก 10 เมกะตัน
 
หลุมนี้พบในศตวรรษที่ 19 โดยชาวยุโรปที่เข้ามาบุกเบิกดินแดนแถบนี้ ในปี คศ.1903 แดเนียล เอ็ม แบร์ริงเจอร์ (Daniel M. Barringer) นักธุรกิจและวิศวกรเหมืองแร่ ได้ซื้อที่ดินและหลุมนี้ไว้โดยหวังว่าจะสามารถขุดเอาเหล็กบริสุทธิ์จากอุกา บาตไปขาย แต่ใช้เวลาถึง 27 ปีก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากเนื้อสสารของดาวตกได้กลายเป็นไอไป เพราะความร้อนที่เกิดจากการเสียดสีกับบรรยากาศ
 
แต่ปัจจุบันหลุมอุกาบาตนี้ได้สร้างรายได้ให้กับครอบครัวแบร์ริงเจอร์ อย่างต่อเนื่อง เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเมทียวสำคัญในรัฐแอริโซนา
(มีคลิป)

 https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=k1MivXXrn2A

สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็จะได้เห็น

สำรวจโลก (ประหลาด) ผ่าน "กูเกิล สตรีท วิว" สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็จะได้เห็น


หลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ได้จับมือกับกูเกิล เปิดตัวบริการแผนที่ในมุมมองภาคพื้น หรือ"กูเกิล สตรีท วิว" (Google Street View) ในไทย เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการใช้แผนที่ ประกอบการเดินทาง มองเห็นภาพสถานที่ต่างๆ ได้เสมือนขับรถจริงอยู่

ทั้งนี้ ภาพในกูเกิล สตรีท วิว เป็นภาพระดับท้องถนน 360 องศา ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่ 35 ในโลกที่มีบริการนี้ เบื้องต้นได้จัดทำกูเกิล สตรีท วิว ใน 3 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของไทยก่อน ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยใช้เวลาในการสำรวจประมาณ 6 ดือน คาดว่าหลังจากเปิดตัวไปแล้ว จะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาเที่ยวในไทยมาก ขึ้น


ทั้งนี้ ผู้ใช้จะสามารถเข้าดูภาพถ่ายระดับท้องถนนด้วยการซูมเข้าไปที่ระดับต่ำสุดบน แผนที่ของกูเกิล หรือลากไอคอนตุ๊กตา "Pegman" สีส้มทางด้านซ้ายของแผนที่ ไปยังถนนเป็นเส้นไฮไลต์สีฟ้า จากนั้นผู้ใช้ก็จะได้ชมภาพจริงในจุดดังกล่าว


อย่างไรก็ดี ในต่างประเทศที่มีการให้บริการสตรีท วิวมานานแล้ว นอกจากการได้สำรวจพื้นที่ต่างๆเสมือนหนึ่งได้เดินทางไปจริงๆแล้ว เรายังได้เห็นภาพแปลก ภาพประหลาด เหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอในซอกมุมต่างๆของโลก



Nacozari de Garcia – Montezuma, Sonora, Mexico, 2012



630 St Clair Ave W, Toronto, Canada



253 Rua Lisboa, Itapecerica da Serra – São Paulo, Brasil, 2010



8 Rue Valette, Pompertuzat, France





























26 Water Street, St Catherine, Ontario



9 Rua Pereira da Costa, Rio de Janeiro, Brazil



Victoria Highway, Gregory, Australia, 2009 Courtesy of Jon Rafman



214 9th Ave, New York, United States Courtesy of Jon Rafman



1379 Elgin Avenue West, Winnipeg, Manitoba, Canada Courtesy of Jon Rafman



Calle de Osona, Santa Perpétua de Mogoda, Spain Courtesy of Jon Rafman



D52, Blaru, France, 2011 Courtesy of Jon Rafman



Eje 3 Sur Av Baja California, Altata, Cuauhtémoc, Mexico, 2009 Courtesy of Jon Rafman



Nacozari De Garcia – Montezuma, Sonora, Mexico Courtesy of Jon Rafman



Rv888, Norway, 2010 Courtesy of Jon Rafman













































58 Lungomare 9 Maggio, Bari Apuglia, Italia