สะกดตาด้วยสีสัน “ทะเลสาปห้าสี” หรือทะเลสาปกระจก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารสวรรค์จิ่วจ้ายโกว (หุบเขาชาวธิเบตเก้าหมู่บ้าน) ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน อุทยานดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO
เมื่อปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ.2535) และเป็นเขตสงวนชีวมณฑล หรือ World Biosphere
Reserve เมื่อปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540)
ความงดงามแห่งสีสันของน้ำในทะเลสาปห้าสี เกิดจากแคลเซียม คาร์บอเนต
และบรรดาพืชน้ำชนิดต่างๆ ที่เจริญเติบโตอยู่ในทะเลสาป
ทำปฏิกิริยากันจนส่งผลให้น้ำใสแจ๋วราวกับกระจก
นักท่องเที่ยวจึงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
บวกกับภาพทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าสะท้อนลงบนผิวน้ำจนเกิดเป็นความ
มหัศจรรย์แห่งสายตา
Spotted Lake - – ประเทศแคนาดา
มองแวบแรกชวนให้นึกถึงผิวดวงจันทร์ แท้จริงแล้วคือ “สปอท เลค” ทะเลสาปย่านถนนไฮเวย์ เมืองโอซอยออส รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา มีขนาดกว้างถึง 38 เอเคอร์ (96 ไร่) คนบางกลุ่มเรียกทะเลสาปแห่งนี้ตามภาษาพื้นเมืองว่า “Klikuk” “สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาปที่มีแร่ธาตุนานาชนิด และบางชนิดเคยถูกนำมาใช้ผลิตเป็นลูกกระสุนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มาแล้ว แม้กระทั่งโคลนและน้ำในทะเลสาปแห่งนี้ยังมีคุณสมบัติในการรักษาโรค เสียดายที่ทะเลสาปแห่ง
นี้อยู่ในที่ดินของเอกชน (ทางการพยายามติดต่อขอซื้อมาเป็นเวลากว่า 20 ปี
เพื่อขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ แต่ยังไม่สำเร็จ)
นักท่องเที่ยวและผู้ที่จะมาชม “สปอท เลค” จึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น
ทะเลสาปบนปล่องภูเขาไฟเคลิมูตู บนเกาะฟลอเรส ประเทศอินโดนีเซีย
“เคลิมูตู” คือ ภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บนเกาะฟลอเรส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซุนดาน้อย ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณปากปล่องเป็นที่ตั้งของ ทะเลสาป 3 สี ได้แก่ ทะเลสาป Tiwu Ata Mbupu ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและมีสีน้ำเงิน ส่วนทะเลสาปที่
อยู่เคียงคู่กันทางทิศตะวันออก คือ ทะเลสาป Tiwu Nuwa Muri Koo Fai
ซึ่งมีสีเขียว และทะเลสาป Tiwu Ata Polo ที่มีสีแดง ทะเลสาปสีน้ำเงิน
Boiling Lake – ทะเล(สาป)เดือด – ประเทศโดมินิกา
“Boiling Lake” ทะเลสาปสีน้ำเงินเทา ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ “Morne Trois Pitons National Park” ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศโดมินิกา
(คนละประเทศกับโดมินิกัน)
ทะเลสาปแห่งนี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
(รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์) มีความกว้างราว 60
เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส
แต่ยังไม่สามารถวัดอุณหภูมิใจกลางทะเลสาปที่กำลังเดือดได้
(ประมาณว่าร้อนปรอทระเบิด) ระดับน้ำภายในทะเลสาปมีการขึ้น-ลงตลอดเวลา
และเคยแห้งเหือดหายไป เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549)
และกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง
โดยที่ยังคงอยู่ในสภาพเดือดพลุ่งพล่านเหมือนเดิม
การเดินทางมาชมความงามของทะเลสาปแห่งนี้
ต้องใช้วิธีดั้นด้นเพราะทำได้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น คือ “การเดินเท้า”
ผ่านบ่อกำมะถัน และไต่เขาที่มีลักษณะลาดชันเป็นระยะทางทั้งสิ้น 13 กม.
Laguna Colorada – ทะเลสาปลากูน่า โคโลราด้า หรือเรด ลากูน – ประเทศโบลิเวีย
“ลากูน่า โคโลราด้า” ทะเลสาปสีแดง เป็นทะเลสาปน้ำเค็มและตื้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ภายในอุทยานแห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna ใกล้กับพรมแดนของประเทศชิลี ทะเลสาปแห่งนี้ประกอบด้วยสันดอนบอแรกซ์สีขาวสว่างที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ ตัดกับสีแดง ของน้ำในทะเลสาปที่เกิดจากตะกอนและสีของสาหร่าย อันเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของนกฟลามิงโก้หลายสายพันธุ์
Plitvice Lakes – ทะเลสาปพลิทวิเซ่ – ประเทศโครเอเชีย
ทะเลสาปพลิทวิเซ่ เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติทะเลสาปพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ประกอบด้วยทะเลสาปมาก
ถึง 16 แห่ง ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ
และถูกกั้นออกจากกันโดยเขื่อนธรรมชาติซึ่งเกิดจากคราบหินปูนที่ทับถมกันจน
เป็นชั้นหนา ในแต่ละปี มอส สาหร่าย และแบคทีเรีย
จะแพร่ขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้เขื่อนกั้นทะเลสาปมีความสูงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 1 ซม.
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทะเลสาปแห่งนี้จึงเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดราวๆ
อาทิ หมีสีน้ำตาล นกอินทรี และนกชนิดอื่นๆ อีกราว 140 สายพันธุ์ องค์การ UNESCO จึงประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานแห่งชาติทะเลสาปพลิทวิเซ่ ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1979 (พ.ศ. 2522)
Lake Titicaca – ทะเลสาปติติกากา – ประเทศโบลิเวียและเปรู
“ติติกากา” ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของประเทศโบลิเวียและเปรู ถือเป็นทะเลสาปที่
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่าทะเลสาปใดๆ ในโลก (เหนือระดับน้ำทะเล 12,500
ฟุต) และมีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ (เมื่อพิจารณาตามปริมาณน้ำ) อีกด้วย
แม้ว่าปริมาณน้ำอันมหาศาลในทะเลสาปแห่งนี้จะมาจากน้ำฝน ธารน้ำแข็งที่ละลาย
แม่น้ำสายหลัก 5 สาย และลำธารขนาดเล็กอีก 20 แห่ง
แต่ช่องทางในระบายน้ำออกจากทะเลสาปแห่งนี้มีเพียงทางเดียวคือ การไหลออกทางแม่น้ำริโอ เดอซากัวเดโร
แต่ก็ไหลออกได้เพียง 10 %
ของปริมาณน้ำทั้งหมดที่ไหลเข้ามาในทะเลสาปเท่านั้น ส่วนกระแสน้ำไหลเข้าอีก
90 % ที่เหลือจะถูกสมดุลโดยธรรมชาติ ซึ่งก็คือการ “ระเหย” ออก โดยอาศัยกระแสลมที่พัดแรงและแสงแดดจัดเป็นตัวช่วย
Dead Sea – ทะเลสาปเดดซี – ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล
ทะเลสาป “เดดซี” อยู่ระหว่างจอร์แดนและอิสราเอล โดยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในบรรดาทะเลทั้งหลาย สาเหตุที่เรียกว่าเดดซีเพราะ
ทะเลสาปแห่งนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งอื่น
เมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลสาประเหยขึ้น
แต่เกลือยังตกค้างอยู่ในบริเวณเดิมทำให้น้ำในทะเลสาบเดดซีมีความเค็มมากกว่า
น้ำทะเลปกติถึง 8.6 เท่า จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
ทำให้ถูกตั้งชื่อว่า “เดดซี”
หรือทะเลสาปมรณะนั่นเอง กล่าวกันว่า เกลือและโคลนดำจากทะเลสาป เดดซี
ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ
มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งทั้งทางด้านการรักษาโรคและเสริมความงาม
จึงมีผู้นำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย
Pitch Lake – ทะเลสาปพิตช์ – สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก
“ทะเลสาปพิตช์” อยู่ในเมือง La Brea ของตรีนิแดด ถือเป็นแหล่งยางมะตอยที่
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ
ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของทะเลสาปแห่งนี้
เกือบ 2 หมื่นคน นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาแล้ว
ทะเลสาปพิตช์ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของบริษัทผู้ส่งออกปูนซิเมนต์
และเป็นแหล่งของยางมะตอยที่นำมาใช้ในการราดผิวถนนทั้งในตรินิแดดและโตเบโก
Nakuru Lake – ทะเลสาปนากูรู – ประเทศเคนยา
“นากูรู” เป็นทะเลสาปในอุทยานแห่งชาติทะเลสาปนากูรู ในเขตริฟท์ วัลเล่ย์ หรือเขตที่ราบสูงและหุบเขาใจกลางประเทศเคนย่า
เนื่องจากน้ำในทะเลสาปแห่งนี้มีความ ลึกเพียงไม่กี่เมตร
ทั้งยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุและสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว
จึงเป็นแหล่งอาหารอันโอชะของฝูงนกฟลามิงโก้สีชมพูจำนวนมหาศาล นอกจากนกฟลามิงโก้แล้ว บริเวณโดยรอบยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกชนิดต่างๆ อีกมากกว่า 400 สายพันธุ์ จึงถือเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก
ที่มา : http://www.bsnnews.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น