วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563

การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย (นโยบาย)

 

โปรแกรมสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน มีโครงสร้างย่อๆ ดังต่อไปนี้
การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย ( ๑. ประชาธิปไตยด้านการเมือง การปกครอง)
ด้วยการปกครองของประเทศไทยที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 83 ปีหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ประเทศไทยมีรูปแบบการปกครองสลับกันอยู่ระหว่าง เผด็จการรัฐประหาร และเผด็จการรัฐสภา สิ่งที่แสดงออกชัดเจนก็คืออำนาจการปกครองเป็นของคนส่วนน้อยในสังคม อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของประชาชน ดังเหตุดังกล่าวประเทศไทย การปกครองจึงเป็นระบอบเผด็จการ ดังนั้นจะทำให้การปกครองของประเทศไทย เป็นระบอบประชาธิปไตย จะต้องปฏิบัติการทุกสิ่งทุกอย่างอย่างอุกฤต ดังต่อไปนี้ให้ปรากฏเป็นจริงต่อประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่ง คือ
๑. สถาปนาระบอบประชาธิปไตยให้สำเร็จ
ระบอบประชาธิปไตย นอกจากจะเป็นความต้องการของประเทศชาติและประชาชนแล้ว ยังเป็นปัจจัยอันจำเป็นของการแก้ปัญหาทั้งปวงของชาติอีกด้วย จะต้องสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จจึงจะแก้ปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และปัญหาวัฒนธรรมให้ตกไปได้ ด้วยมาตรการต่อไปนี้
๑.๑ เทิดทูนและพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติไทย และคู่กับชาติไทยมาแต่บรรพกาล แม้ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราช พระมหากษัตริย์ไทยก็ประกอบด้วยลักษณะประชาธิปไตยเป็นอันมากอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของระบอบพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย จึงเป็นการถูกต้องและจำเป็นอย่างยิ่งที่ระบอบประชาธิปไตยของไทยจะมีพระมหา กษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ซึ่งเป็นอุปการคุณสำคัญที่สุดไม่เฉพาะแต่ในการสร้างระบอบประชาธิปไตยให้ สำเร็จเท่านั้น หากในการแก้ปัญหาพิเศษต่างๆ ซึ่งสถาบันอื่นไม่อาจแก้ปัญหาได้อีกด้วย และสถาบันพระมหากษัตริย์จะมั่นคงได้ก็ด้วยการปกครองแบบประชาธิปไต
๑.๒ การส่งเสริมความรู้ประชาธิปไตย
การที่จะสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สำเร็จก็ดี การจะใช้ระบอบประชาธิปไตยแก้ปัญหาต่างๆ ของชาติก็ดีขึ้นอยู่กับความรู้ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยที่ผ่านมา เป็นเพราะขาดความรู้ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ฉะนั้น จะต้องส่งเสริมความรู้ประชาธิปไตยอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านทฤษฎีและด้านการประยุกต์ทฤษฎีกับสภาวการณ์ และลักษณะพิเศษของประเทศไทย
๑.๓ ทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
หัวใจของระบอบประชาธิปไตย คือ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน นัยหนึ่งคือ การปกครองโดยประชาชน เพื่อประชาชนและของประชาชน แต่ความเป็นจริงอำนาจอธิปไตยยังไม่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะนโยบายของรัฐที่ผ่านมายังไม่สนองความต้องการของประเทศชาติและประชาชน อย่างแท้จริง ฉะนั้น จึงต้องปรับปรุงนโยบายของรัฐบาลทั้งนโยบายภายในประเทศและนโยบายต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชน และปรับปรุงรัฐสภาให้ทำหน้าที่ของปวงชนอย่างแท้จริง
๑.๔ ทำให้บุคคลมีเสรีภาพบริบูรณ์
เสรีภาพบริบูรณ์ของบุคคลจะมีได้ก็แต่เฉพาะภายใต้อำนาจอธิปไตยของปวงชน เสรีภาพที่ไม่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของปวงชนนั้น ไม่ใช่เสรีภาพที่บริบูรณ์ ถ้าไม่เป็นเสรีภาพที่เกินขอบเขตแบบอนาธิปไตย ก็เป็นเสรีภาพที่จำกัดเกินควรแบบเผด็จการ และเสรีภาพบริบูรณ์ของบุคคลย่อมทำให้เกิดความรับผิดชอบแก่บุคคล ฉะนั้น เพื่อให้บังเกิดเสรีภาพชนิดนี้จะต้องทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง ในขณะเดียวกันก็ต้องยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่บั่นทอนเสรีภาพของ บุคคล
๑.๕ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้มั่นคง
เสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยอันจำเป็นของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และปัจจัยอันสำคัญที่สุดของเสถียรภาพทางการเมือง ก็คือ ความสนับสนุนของประชาชน และปัจจัยความสนับสนุนของประชาชน ก็คือ นโยบายที่ถูกต้อง และปฏิบัตินโยบายนั้นให้ได้ผลประจักษ์แก่ประชาชน ฉะนั้นนอกจากจะต้องปรับปรุงนโยบายให้ถูกต้องอย่างสมบูรณ์แล้ว ยังจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยด้วย
๑.๖ สร้างระบบพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง
พรรคการเมืองประชาธิปไตย คือ ผู้แทนทางการเมืองของประชาชนทำหน้าที่จรรโลงและพัฒนาระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่เข้มแข็งจะต้องเป็นพรรคที่มีนโยบายสอดคล้องกับนโยบายแห่ง ชาติที่ถูกต้อง จะต้องมีการจัดตั้งองค์กรอย่างเป็นระบบและมีลักษณะเป็นพรรคมวลชน มิใช่เป็นเพียงพรรคสภาหรือพรรคนักการเมืองเท่านั้น ฉะนั้น จะต้องส่งเสริมให้การสร้างพรรคการเมืองชนิดนี้บรรลุผลสำเร็จ ซึ่งเงื่อนไขประการแรกคือ จะต้องยกเลิกกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อให้ระบบพรรคการเมืองพัฒนาไปตามธรรมชาติ
๑.๗ ปรับปรุงระบบราชการให้เป็นประชาธิปไตย
ระบบราชการในประเทศไทย ยังเป็นปฏิปักษ์อย่างมากต่อระบอบประชาธิปไตย จึงยังไม่สามารถสนองความต้องการของระบอบประชาธิปไตยได้ การปรับปรุงระบบราชการให้เป็นประชาธิปไตย จึงเป็นปัจจัยที่จะขาดเสียมิได้ของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย วิธีการปรุงก็คือ ประสานระบบราชการเข้ากับระบบพรรคการเมือง โดยให้ข้าราชการเข้าร่วมกิจการของพรรคการเมืองได้อย่างเสรี ซึ่งจะยังผลให้ข้าราชการได้มีจิตสำนึกทางการเมืองของตน และจิตสำนึกทางการเมืองนั้น จะทำให้ข้าราชการเป็นข้าราชการของประชาชนได้
๑.๘ ส่งเสริมกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ
กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เป็นสิ่งแสดงออกของพลังมวลชนและเป็นพลังผลักดันทางการเมืองในการพัฒนาระบอบ ประชาธิปไตย แต่กลุ่มผลประโยชน์ย่อมมีความขัดแย้งกัน เพราะมีผลประโยชน์แตกต่างกัน ระบอบประชาธิปไตยย่อมแก้ไขความขัดแย้งด้วยการไม่ทำลายกัน แต่ด้วยการประสานประโยชน์ระหว่างกัน โดยการทำให้ผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผลประโยชน์ ของชาติ โดยนายทุน กรรมกร ชาวนา นักศึกษา ฯลฯ จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของฝ่ายอื่นด้วย โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
๑.๙ ส่งเสริมสถาบันหนังสือพิมพ์และการแสดงประชามติประชาธิปไตย
สถาบันหนังสือพิมพ์ในฐานะฐานันดรที่ ๔ ย่อมเป็นกลไกอย่างหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยนอกเหนือจากเป็นเครื่องมืออย่าง หนึ่งของการแสดงประชามติ ฉะนั้นผู้ทำหนังสือพิมพ์จึงเป็นบุคคลในสถาบันซึ่งจะต้องมีความรับผิดชอบกว่า บุคคลธรรมดา การส่งเสริมเสรีภาพบริบูรณ์ของคนทำหนังสือพิมพ์ จึงแตกต่างกับบุคคลนอกสถาบัน จะถือว่า “เสรีภาพของหนังสือพิมพ์ คือ เสรีภาพของประชาชน” หาได้ไม่ประชามติที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน จึงจะเป็น และความถูกต้องของประชามติก็มิได้วัดด้วยจำนวนคนที่แสดง แต่วัดด้วยผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม ประชามติใดแม้จะแสดงด้วยคนจำนวนน้อย แต่ถ้าสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมก็เป็นประชามติประชาธิปไตย ฉะนั้น สภาปฏิวัติแห่งชาติจึงสนับสนุนประชามติที่ถูกต้อง แต่จะป้องกันประชามติที่ไม่ถูกต้อง
๑.๑๐ สนับสนุนขบวนการประชาธิปไตย
ขบวนการประชาธิปไตยย่อมประกอบด้วยบุคคลกลุ่มต่างๆ ที่มีความมุ่งหมายเพื่อความสำเร็จของระบอบประชาธิปไตย แต่เนื่องจากแนวโน้มแห่งวิวัฒนาการของประเทศไทยเป็นแนวโน้มทางประชาธิปไตย จึงทำให้กลุ่มชนที่เป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย จำเป็นต้องแอบแฝงโดยยกเอาประชาธิปไตยขึ้นนำหน้าสนับสนุนขบวนการประชาธิปไตย ที่แท้จริงทั้งสิ้น แต่จะขัดขวางขบวนการที่ขัดขวางขบวนการประชาธิปไตยที่แอบแฝงอำพราง
๑.๑๑ ทำลายการกดขี่ด้วยอำนาจและอิทธิพล
การกดขี่ด้วยประการใดๆ โดยผู้มีอำนาจและผู้มีอิทธิพลเป็นลักษณะของระบอบเผด็จการ ตราบใดที่มีการกดขี่โดยผู้มีอำนาจและผู้มีอิทธิพลตราบนั้นยังไม่มีระบอบ ประชาธิปไตย หรือไม่มีระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง ฉะนั้นจึงต้องกำจัดการกดขี่ด้วยอำนาจและอิทธิพลทั้งระดับชาติและระดับท้อง ถิ่นให้หมดไป
๑.๑๒ จัดระบอบบริหารส่วนท้องถิ่น ส่วนภูมิภาคและส่วนกลางให้สอดคล้องกันยิ่งขึ้น
การกระจายอำนาจเป็นลักษณะหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย วิธีการคือ ทำให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นมีอิสระมากขึ้น และให้องค์การบริหารส่วนภูมิภาคมีฐานะเป็นตัวแทนขององค์การบริหารส่วนกลาง อย่างแท้จริง ไม่ใช่องค์การบริหารส่วนกลางทำงานแข่งขันซ้ำซ้อนกับองค์การบริหารส่วน ภูมิภาคหรือส่วนท้องถิ่น แต่ให้องค์การบริหารสามส่วนนี้มีการประสานงานกันเป็นอย่างดี
๑.๑๓ สร้างสันติภาพภายในประเทศให้สมบูรณ์ และกระชับความสามัคคีแห่งชาติ
สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ถึงแม้ว่ากองทัพสามารถยุติสงครามกลางเมืองลงได้โดยพื้นฐานแล้วก็ตาม แต่การต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายคอมมิวนิสต์แนวทางอาวุธยังดุ เดือดเข้มข้นอยู่ โดยฝ่ายคอมมิวนิสต์แนวทางอาวุธพยายามทุกวิถีทางที่จะฟื้นฟูสงครามขึ้นใหม่ ซึ่งถ้าหากฝ่ายคอมมิวนิสต์สามารถทำได้แล้ว สงครามครั้งใหม่จะยังความหายนะแก่ประเทศชาติ และยังความทุกข์ยากแก่ประชาชนมากกว่าสงครามครั้งที่แล้วหลายเท่านัก อันเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงแก่การสร้างระบอบประชาธิปไตย จึงจำเป็นที่จะต้องสกัดกั้นการฟื้นฟูสงครามของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เปลี่ยนแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธเป็นการต่อสู้ในแนวทางสันติ ตามนโยบายประชาธิปไตยที่ถูกต้องที่ได้ประกาศไปแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายรากฐานของความสามัคคีแห่งชาติ และเป็นเส้นด้ายทองคำร้อยพวงมาลัยแห่งความสามัคคีระหว่างประชาชนทุกหมู่ เหล่าอีกด้วย
(ด้านรายละเอียดยังมีอีกมาก ครับ นี่เป็นโครงสร้างด้านการเมืองและการปกครองย่อๆของการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนตามราโชบายล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ )
edit:thongkrm_virut@yahoo.com

โปรแกรมสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านเศรษฐกิจ มีโครงสร้างย่อๆ ดังต่อไปนี้
การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย (๒.ประชาธิปไตยด้านเศรษฐกิจ)

๒. พัฒนาระบบเศรษฐกิจแห่งชาติให้สำเร็จ
ระบบเศรษฐกิจเป็นรากฐานของระบอบการเมือง และระบอบการเมืองมีบทบาทผลักดันพัฒนาการของระบบเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงจะดำเนินการโดยเอกเทศมิได้ แต่จะต้องนำเอาการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปสัมพันธ์กับการแก้ปัญหาการเมือง โดยลงมือแก้ปัญหาการเมืองทันที และลงมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปพร้อมกัน การที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยตกอยู่ในภาวะล้าหลังมาเป็นเวลานาน ยังผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศยากจน ฐานะการครองชีพของประชาชนต่ำ ไม่สามารถพัฒนาขึ้นเป็นประเทศร่ำรวย และยกฐานะการครองชีพของประชนชนให้สูงขึ้นได้ ทั้ง ๆ ที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาตินั้น ก็เพราะได้ดำเนินการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาโดยไม่ได้แก้ปัญหาการเมือง คือ ไม่ดำเนินการเพื่อบรรลุถึงซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง ฉะนั้น บนรากฐานของการแก้ปัญหาการเมืองเพื่อความสำเร็จของระบอบประชาธิปไตยดังกล่าวมาแล้ว
การพัฒนาระบบเศรษฐกิจแห่งชาติให้สำเร็จด้วยมาตรการต่อไปนี้
๒.๑ ปรับปรุงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ความมุ่งหมายของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คือ เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยสังคมประชาธิปไตย คือ สังคมที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย และมีระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม ระบอบเศรษฐกิจเสรีนิยมที่พัฒนาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จะนำมาซึ่งความไพบูลย์และความยุติธรรม แต่การที่จะบรรลุความมุ่งหมายดังกล่าวนี้ได้ จะต้องใช้ระบอบประชาธิปไตยทำการเปลี่ยนระบบเสรีนิยมที่ล้าหลังและผูกขาดดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้เป็นระบบเสรีนิยมที่ก้าวหน้าและเสรี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีบทบาทสำคัญอันดับแรกต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ ฉะนั้นจึงต้องทบทวนโครงสร้างของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายเพื่อบรรลุถึงสังคมประชาธิปไตยที่พัฒนา ซึ่งเป็นแผนที่มีเนื้อหาในการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่เหมาะสมกับภาวการณ์ของประเทศไทยโดยเฉพาะคือ เน้นหนักการพัฒนาการเกษตรกรรม และพัฒนาอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการขนส่งให้สอดคล้องกัน
๒.๒ การกระจายทุน
การรวมศูนย์ทุน ทำให้วิสาหกิจขนาดใหญ่โดยเฉพาะคือ วิสาหกิจเส้นเลือดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ อุตสาหกรรมหนัก การค้าต่างประเทศ การค้าส่งสินค้าหลักภายในประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การขนส่งหลักภายในประเทศ มีอำนาจครอบงำและบงการต่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉะนั้น จึงต้องลดอำนาจของการครอบงำและบงการดังกล่าวลง โดยทำให้ทุนกระจายไปสู่ประชาชนด้วยมาตรการเหล่านี้คือ
๒.๒.๑ การปฏิรูปที่ดิน
เป็นวิธีการกระจายทุนทางที่ดินไปสู่ชาวไร่ชาวนา ในขณะเดียวกันรายได้ของเจ้าของที่ดินจากการเวนคืนที่ดิน ก็จะกระจายไปสู่รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และอื่นๆ โดยเฉพาะในรูปของพันธบัติหุ้นส่วนในรัฐวิสาหกิจเหล่านั้น การกระจายทุนทางที่ดินด้วยการปฏิรูปที่ดิน เป็นปัจจัยอันดับแรกของความเติบโตของระบบเศรษฐกิจแห่งชาติทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการขนส่ง โดยทำเกษตรกรรมสามารถสนองวัตถุดิบแก่อุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมสนองเครื่องมือวัตถุอุปกรณ์และการป้องกันภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรรม และเกษตรกรรมกับอุตสาหกรรมต่างก็สนองตลาดให้แก่กันและกัน ฉะนั้น การปฏิรูปที่ดินจึงมิใช่เพียงเพื่อการเกษตรกรรม หรือเพียงเพื่อช่วยเหลือชาวนาชาวไร่ให้มีที่ทำกิน แต่ข้อสำคัญเพื่อความเติบโตของระบบเศรษฐกิจแห่งชาติทั้งระบบ
๒.๒.๒ เปลี่ยนบริษัทครอบครัวของวิสาหกิจเอกชนต่างๆ เป็นบริษัทมหาชน
๒.๒.๓ ให้สหกรณ์เป็นเครื่องมือของการกระจายทุน
๒.๒.๔ รัฐเข้ามีส่วนร่วมนากรบริหารวิสาหกิจเอกชน
แต่เดิมรัฐเพียงแต่ควบคุมวิสาหกิจเอกชน เช่น ธนาคารชาติควบคุมธนาคารพาณิชย์ด้วยการจดทะเบียนปริมาณทุนปริมาณเงินฝาก ปริมาณเงินวางธนาคารชาติ ฯลฯ ซึ่งไม่เพียงพอแก่การลดการรวมศูนย์ทุน แต่รัฐจะต้องทำการควบคุมโดยตรง เช่น ผู้แทนของรัฐเข้ามีส่วนในการบริหารเป็นต้นอีกด้วย
๒.๓ สร้างความสมดุลระหว่างภาคสาธารณะกับภาคเอกชน
ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมของประเทศไทย มิใช่มีแต่เศรษฐกิจเอกชนอย่างเดียว แต่มีเศรษฐกิจสาธารณะ โดยเฉพาะคือเศรษฐกิจของรัฐอีกด้วย โดยภาคสาธารณะตั้งอยู่บนรากฐานของภาคเอกชน แต่ภาคสาธารณะแม้ว่าจะเป็นฝ่ายข้างน้อยก็มีความสำคัญในฐานะเป็นหลักนำต่อภาคเอกชน และส่งเสริมช่วยเหลือภาคเอกชน ภาคสาธารณะกับภาคเอกชนจะต้องมีความสมดุลกัน จึงจะสามารถเป็นปัจจัยให้แก่การขยายตัวของกันและกัน วิธีการสร้างความสมดุล คือ ปรับปรุงการบริหารของภาคสาธารณะโดยเฉพาะของรัฐวิสาหกิจเสียใหม่ทั้งหมดทั้งฝ่ายสาธารณูปโภคและฝ่ายบริโภค ทั้งที่ผูกขาดและไม่ผูกขาด เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นมีประสิทธิภาพเท่าเทียมหรือเหนือกว่าวิสาหกิจเอกชน เพื่อจะได้ทำหน้าที่เป็นหลักนำและส่งเสริมช่วยเหลือวิสาหกิจเอกชน และเพื่อคานวิสาหกิจเอกชนในการรักษาเสถียรภาพของตลาด การปรับปรุงการบริหารของภาคสาธารณะนั้น ให้องค์การแรงงานของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ เข้าร่วมดำเนินการด้วย
๒.๔ สร้างความสมดุลระหว่างเกษตรกรรมกับอุตสาหกรรม
สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบัน เกษตรกรรมเป็นฝ่ายครอบงำ แต่ทิศทางของพัฒนาการจะต้องมุ่งไปสู่ความเป็นอุตสาหกรรม ภายใต้สภาวการณ์ดังกล่าวการพัฒนาจะต้องเน้นหนักในการพัฒนาเกษตรกรรม ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาอุตสาหกรรมให้ได้สัดส่วนกัน และการพัฒนาอุตสาหกรรมจะต้องเน้นหนักการพัฒนาอุตสาหกรรมเบา (อุตสาหกรรมแปรวัตถุดิบเกษตรกรรมภายในประเทศ เป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป) แต่การพัฒนาอุตสาหกรรมเบาก็ต้องมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก (อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมเครื่องจักร อุตสาหกรรมเคมี) ซึ่งเป็นรากฐานอันสำคัญที่สุดของการทำเกษตรกรรมให้ทันสมัย
๒.๕ สร้างความสมดุลระหว่างเมืองกับชนบท
ที่แล้วมาการขยายตัวของเมืองและชนบทเป็นไปอย่างไม่สม่ำเสมอ ความเจริญเข้ามารวมอยู่ในเมืองหลวงและนครใหญ่ ชนบทยังล้าหลังห่างไกล ฉะนั้น จึงต้องเร่งรัดสร้างความเจริญให้แก่ชนบทในทุกทาง และทำให้ชนบทให้เป็นที่อยู่ดีกินดี ขณะเดียวกันก็ระบายความแออัดยัดเยียดออกจากเมืองหลวงและนครใหญ่ วิธีการคือ จะต้องแบ่งสันปันส่วนภาษีอากรระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นอย่างเหมาะสม และทำให้ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นไม่ต้องอาศัยงบประมาณส่วนกลาง กับขยายอุตสาหกรรมไปสู่ชนบทให้สอดคล้องกับเกษตรกรรม ที่ไหนมีเกษตรกรรมอย่างไรก็ขยายอุตสาหกรรมแปรวัตถุดิบอย่างนั้น สร้างความสมดุลระหว่างเกษตรกรรมกับอุตสาหกรรมขึ้นในท้องถิ่นและยกระดับของชนบทจนถึงขนาดที่คนไม่ไหลเข้าสู่เมือง แต่ชนบทกลับเป็นที่ดึงดูดคนในเมืองให้ระบายออกไป
๒.๖ สร้างความสมดุลระหว่างการขยายตัวทางเศรษฐกิจกับการขยายตัวของประชากร
ปัญหาร้ายแรงในปัจจุบันก็คือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ทันกับการขยายตัวของประชากร จึงจำเป็นอย่างรีบด่วนที่จะต้องเร่งรัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างงานให้เพียงพอกับคน ขณะเดียวกันก็จะต้องลดการขยายตัวของประชากรอย่างน้อยชั่วระยะหนึ่ง การเร่งรัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็คือ
๒.๖.๑ เพิ่มการผลิตทางการเกษตร บนรากฐานของการปฏิรูปที่ดินและทำเกษตรกรรมให้ทันสมัย
ทำการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ โดยเฉพาะคือพืชเศรษฐกิจด้วยการใช้วิชาการเกษตรกรรมแบบใหม่ให้ทั่วถึง ปรับปรุงระบบชลประทาน จัดหาและจำหน่ายปุ๋ยในราคาเยา ส่งเสริมการปลูกพืชหมุนเวียน ให้การศึกษาด้านเกษตรกรรมแก่ชาวนาชาวไร่อย่างเต็มที่ ขยายกิจการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ให้กว้างขวางทั่วประเทศ เพิ่มบริการชาวนาชาวไร่อย่างมีประสิทธิภาพ จัดประเภทการผลิตทางเกษตรกรรมให้เหมาะสมกับท้องที่ และแนะนำเกษตรกรให้ปลูกพืชให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ประกันราคาของสินค้าเกษตรกรรม โดยขยายและรักษาตลาดต่างประเทศอย่างมั่นคงและใช้ค่าพรีเมี่ยมทั้งหมดเป็นกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ใช้วิธีการสหกรณ์เข้าช่วยเหลือการขยายเกษตรกรรมอย่างเต็มที่ และสนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกรเป็นสถาบันการเกษตร
๒.๖.๒ เพิ่มการผลิตทางอุตสาหกรรม เน้นหนักอุตสาหกรรมที่แปรรูปวัตถุดิบเกษตรกรรมภายในประเทศ ให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทั้งขยายการผลิตของอุตสาหกรรมครอบครัว ทั้งนี้เพื่อเพิ่มพูนสินค้าบริโภคให้มากที่สุด และการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว จะต้องมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอุตสหกรรมขั้นมูลฐาน ป้องกันการโจมตีจากต่างประเทศโดยตั้งกำแพงภาษี หรือห้ามสั่งสินค้าเข้าตามความเหมาะสม กระจายอุตสาหกรรมไปยังแหล่งวัตถุดิบขยายการฝึกอบรมแรงงาน ส่งเสริมสมาคมนายจ้างและสหภาพแรงงาน และส่งเสริมหลักการผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างนายทุนกับแรงงาน ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
๒.๖.๓ ขยายพาณิชยกรรม ขยายตลาดต่างประเทศทั้งสินค้าเกษตรกรรมและสินค้าอุตสาหกรรม พยายามขยายตลาดเข้าไปในตลาดสังคมนิยมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรัฐเข้าดำเนินการค้าต่างประเทศเองตามความจำเป็น แก้ไขความเสียเปรียบในวิธีดำเนินการค้าและธุริจของต่างประเทศ แก้ไขการเสียเปรียบดุลการค้า โดยลดปริมาณสินค้าปัจจัยบริโภคโดยเฉพาะ คือ ของฟุ้มเฟือย และเพิ่มปริมาณสินค้าปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะคือ เครื่องจักร พยายามตัดคนกลางในการส่งวัตถุดิบไปต่างประเทศ พร้อมทั้งกวดขันการควบคุมมาตรฐานสินค้า เพิ่มปริมาณส่งออกวัตถุแปรรูป การค้าบางอย่างใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรง ส่วนตลาดภายในประเทศจะต้องทำให้มีเสถียรภาพ โดยให้องค์การค้าของรัฐทำหน้าที่ตรึงราคาอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้สหกรณ์กำจัดคนกลาง
๒.๖.๔ ขยายการขนส่ง โดยเพิ่มปัจจัยการขนส่งอย่างรอบด้าน ควบคุมค่าขนส่งให้พอเหมาะพอดี มิให้มีผลกระทบกระเทือนต่อการตลาดและการผลิต
๒.๖.๕ ขยายทุน ระดมและกระจายทุนทั้งทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการขนส่ง โดยเน้นหนักในการขยายทุนทางเกษตรกรรม แหล่งของทุนเอามาจากการผลิต ภาษีอากร การประหยัด และทุนจากต่างประเทศที่ไม่มีเงื่อนไขทางการเมือง
๒.๗ ควบคุมการเฉลี่ยรายได้แห่งชาติให้เป็นธรรม
ตามสภาพที่เป็นอยู่รายได้แห่งชาติ ๙๐ % เฉลี่ยระหว่างคนรวย และรายได้แห่งชาติ ๑๐% เฉลี่ยระหว่างคนจน ซึ่งเป็นการเฉลี่ยที่ไม่เป็นธรรม เป็นเหตุให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยกว้างมาก รัฐจึงต้องควบคุมการเฉลี่ยรายได้แห่งชาติให้เป็นธรรม เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้แคบลง การควบคุมเฉลี่ยรายได้แห่งชาตินั้น มิใช่กระทำด้วยกฎหมายหรืออำนาจบังคับ แต่กระทำโดยการส่งเสริมการพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับสภาพของประเทศไทย ตามนโยบายและแผนอันถูกต้อง เพื่อให้เศรษฐกิจแห่งชาติได้ขยายตัวไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เช่น การจำกัดการผูกขาด การกระจายทุน การขยายการผลิต การตัดคนกลาง การเฉลี่ยงบประมาณระหว่างส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น เป็นต้น การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างได้ผลตามนโยบายและแผนอันถูกต้อง ทำให้รายได้เฉลี่ยของประชากรทั่วไปสูงขึ้น และการใช้ระบบผูกขาดควบคุมการครองชีพของประชาชนก็จะเบาบางหรือหมดสิ้นไป ทำให้เกิดการเฉลี่ยรายได้แห่งชาติเป็นธรรมโดยอัตโนมัติ แม้จะใช้กฎหมายบ้างก็เป็นส่วนประกอบเท่านั้น แต่ถ้าไม่พัฒนาเศรษฐกิจให้ได้ผล การใช้กฎหมายในเรื่องนี้ก็ไม่มีประโยชน์ อย่างกฎหมายกำหนัดค่าจ้างขั้นต่ำ ถ้าพัฒนาเศรษฐกิจล้มเหลว กฎหมายนั้นก็เป็นเพียงเศษกระดาษชิ้นหนึ่ง รวมความว่าการควบคุมเฉลี่ยรายได้แห่งชาติ ก็คือการพัฒนาระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมที่เหมาะสมกับประเทศไทยให้เป็นไปตามนโยบายและแผนอันถูกต้อง
๒.๘ ร่วมมือทางเศรษฐกิจกับนานาประเทศ โดยไม่เลือกระบบสังคม ภายใต้หลักการของความเป็นอิสระและพึ่งตนเอง
การเมืองตั้งอยู่บนรากฐานของเศรษฐกิจ ฉะนั้น การร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่จะไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลยจึงเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือระหว่างประเทศในระบบสังคมเดียวกัน หรือคนละระบบสังคมก็ตาม ถ้ายอมรับว่าเศรษฐกิจและการค้าขึ้นต่อการเมืองและดำเนินไปตามหลักการนี้ โดยทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศสังคมนิยมและประเทศเสรีนิยมด้วยกันขึ้นต่อนโยบายต่างประเทศที่ถูกต้องแล้ว การร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้ากับนานาประเทศโดยไม่เลือกระบบสังคม ก็จะเป็นผลดีแก่การพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติอย่างใหญ่หลวง และนี่คือการร่วมมือภายใต้หลักการของความเป็นอิสระ และพึ่งตนเองตามลักษณะพิเศษของนโยบายต่างประเทศที่ถูกต้องของไทย คือ นโยบายอิสระ
๒.๙ ปัญหาการคลังและการเงิน
การคลังและการเงินเป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจ จึงต้องแก้ปัญหาการคลังและการเงินโดยสัมพันธ์กับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ การขยายเศรษฐกิจจะต้องดูจากการผลิตการภาษีว่าขยายตัวได้อย่างไร ไม่ให้เกินตัวจนต้องอาศัยเงินกู้จนเกินควร การเก็บภาษีควรเอาจากการผลิตเป็นอันดับแรก ภาษีสินค้าขาเข้าขาออกเป็นอันดับต่อมา ภาษีเอกชนเป็นอันดับสุดท้าย แต่ภาษีสินค้าเข้าสินค้าออกจะต้องไม่ทำลายการส่งเสริมการผลิตและการค้าต่างประเทศ ปัญหาการเงินที่สำคัญนั้นอยู่ที่จะต้องรักษาเสถียรภาพของเงินบาท วิธีการคือ เปลี่ยนมาตรฐานเงินตราต่างประเทศเป็นมาตรฐานทองคำเป็นหลัก เพราะในปัจจุบันเงินตราต่างประเทศ เช่นสกุลดอลล่าร์มักจะขาดเสถียรภาพ แต่ไม่หมายความว่าจะยกเลิกมาตรฐานเงินตราต่างประเทศเพียงมาตรฐานดอลล่าร์ มาตรฐานปอนด์ ฯลฯ เป็นส่วนประกอบ วิธีการเช่นนี้จะเป็นส่วนช่วยอย่างสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของเงินบาท

(รายละเอียดยังมีอีกมาก ครับ นี่เป็นโครงสร้างด้านเศรฐกิจย่อๆของการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านเศรษฐกิจ ตามราโชบายล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ )

edit:thongkrm_virut@yahoo.com

โปรแกรมสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านสังคมและการศึกษา มีโครงสร้างย่อๆ ดังต่อไปนี้
การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย (๓.ประชาธิปไตยด้านสังคม และการศึกษา)
๓. การสังคม
๓.๑ แก้ปัญหาสังคมบนรากฐานของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการศึกษาอบรม
ปัญหาสังคม เช่น ปัญหาการว่างงาน ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาคอรัปชั่น และความเน่าเฟะต่างๆ ในสังคม ส่วนสำคัญเกิดจากความยากจนและการไม่มีงานทำ อันเนื่องมาจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแห่งชาติไม่ตก ฉะนั้น ถ้าความยากจนและการไม่มีงานทำยังครอบงำสังคมอยู่ การพร่ำสอนไม่ทำให้ทำชั่วและขยันขันแข็งประกอบสัมมาอาชีพจึงไม่ใคร่จะได้ผล เพราะถ้าไม่ประกอบอาชญากรรม ทำคอรัปชั่น หรือประกอบมิจฉาชีพก็ไม่มีอะไรจะกิน และถึงแม้จะขยันขันแข็งก็ไม่มีงานทำ แต่การศึกษาอบรมจะได้ผลเต็มที่ถ้าความยากจนบรรเทาลง คนมีงานทำและอาชญากรรมแก้ไขได้ คอรัปชั่นปราบได้ การว่างงานขจัดได้ ด้วยการศึกษาอบรมและมาตรการทางกฎหมาย ถ้าพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติตามนโยบายและแผนอันถูกต้อง
๓.๒ แผนการศึกษาแห่งชาติขึ้นต่อแผนเศรษฐกิจแห่งชาติ
สมัยก่อน การบำรุงการศึกษาไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะสมัยนั้นความเจริญของบ้านเมืองขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชน ยิ่งขยายการศึกษามากเพียงใดบ้านเมืองก็เจริญมากเพียงนั้น แต่ในปัจจุบัน การขยายตัวทางการศึกษาจำกัดด้วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การขยายตัวทางการศึกษาอย่างไม่มีขอบเขตจำกัดแทนที่จะเป็นผลดีกลับเป็นผลร้าย โดยเฉพาะจะเป็นเหตุหนึ่งของการว่างงาน การจำกัดการขยายตัวของการศึกษานั้น ไม่หมายถึงการลดงบประมาณการศึกษา งบประมาณการศึกษาจะต้องเพิ่มขึ้นโดยลำดับอย่างแน่นอน การจำกัดการขยายตัวของการศึกษา หมายความถึงแผนการศึกษาจะต้องขึ้นต่อแผนเศรษฐกิจ ซึ่งจะกำหนดให้การขยายการศึกษาเป็นไปตามความต้องการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่ง ชาติ ในสภาวการณ์ใดระดับการศึกษาและวิชาชีพใดเพียงพอแก่ความต้องการก็ลดลว ในสภาวการณ์ใดระดับการศึกษาและสาขาอาชีพใดเป็นความต้องการ ก็เพิ่มขึ้น ส่วนด้านสามัญศึกษาจะต้องขยายให้มากที่สุดไม่มีขอบเขตจำกัด ตามระดับความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นลำดับไป ทั้งนี้ จะเป็นไปได้โดยขยายการศึกษาชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มากที่สุด และควบคุมการศึกษาของเอกชนอย่างเคร่งครัด การศึกษาของชาติจะประสบความสำเร็จสมความมุ่งหมายขึ้นอยู่กับความถูกต้องของ แผนเศรษฐกิจแห่งชาติ และประสานแผนการศึกษาแห่งชาติเข้ากับแผนเศรษฐกิจแห่งชาติ
๓.๓ ดำเนินการประกันสังคมทั่วทุกด้าน
ความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ อันเกิดจากผลสำเร็จของการสร้างระบบเศรษฐกิจของระบอบประชาธิปไตยตามนโยบายที่ ถูกต้อง ย่อมจะเป็นปัจจัยให้มีงานให้ประชาชนทำมากขึ้น และเป็นปัจจัยให้รัฐสามารถขยายการศึกษา การสาธารณสุข และสาธารณูปการอย่างอื่นให้กว้างขวางออกไปตามส่วน ประชาชนมีโอกาสทำงาน มีโอกาสศึกษา มีโอกาสรักษาพยายาบาล และมีโอกาสอื่นๆ เพิ่มขึ้นโดยลำดับ เมื่อเกิดความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ การว่างงานก็ค่อย ๆ หมดไป การศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน การรักษาโดยไม่ต้องเสียค่ารักษาตลอดจนบำเหน็จบำนาญของคนชราและทุพลภาพก็จะมี ขึ้นโดยลำดับ ฉะนั้น ความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจจึงเป็นการประกันสังคมอยู่ในตัว และมาตรการประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ การดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติตามนโยบายและแผนอันถูกต้องให้บรรลุผล สำเร็จนั่นเอง กฎหมายประกันสังคมจะต้องออกตามผลสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ แม้ว่าจะออกกฎหมายประกันสังคมอย่างสวยงามเพียงใด แต่ถ้าการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติล้มเหลวกฎหมายนั้นก็ปฏิบัติไม่ได้
(รายละเอียดยังมีอีกมาก ครับ นี่เป็นโครงสร้างด้านสังคมย่อๆของการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านสังคมและการศึกษาฯ)
Edit:thongkrm_virut@yahoo.com





โปรแกรมสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านการป้องกันประเทศ มีโครงสร้างย่อๆ ดังต่อไปนี้
การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย (ตอนที่ ๔ ประชาธิปไตยด้านการป้องกันประเทศ)
๔ การป้องกันประเทศ
๔.๑ หน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพแห่งชาติ
กองทัพแห่งชาติไม่ใช่กองทัพของบุคคลหรือคณะบุคคล แต่เป็นกองทัพของชาติและของประชาชน กองทัพแห่งชาติไม่สนับสนุนการเมืองของบุคคลหรือคณะบุคคล แต่สนับสนุนการเมืองของชาติ ที่ว่าทหารไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองนั้น ไม่หมายความกองทัพแห่งชาติจะไม่สนับสนุนการเมืองของชาติ แต่หมายความว่าทหารไม่สนับสนุนการเมืองของบุคคลหรือการเมืองที่ไม่ถูกต้อง เอกราชของชาติและอธิปไตยของปวงชน คือ สาระสำคัญของการเมืองของชาติ ซึ่งจะต้องอาศัยความสนับสนุนของกองทัพแห่งชาติ จึงจะดำรงอยู่ได้ ฉะนั้น หน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพแห่งชาติ จึงอยู่ที่การรักษาเอกราชของชาติและรักษาอธิปไตยของประชาชน การที่กองทัพแห่งชาติจะต้องรักษาไว้ซึ่งเอกราชของชาตินั้น เข้ากันดี แต่การที่กองทัพแห่งชาติจะต้องรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยของปวงชนนั้น ดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจนพอ ความจริงแล้วเอกราชขึ้นอยู่กับประชาธิปไตย ประเทศชาติจะต้องเป็นประชาธิปไตยจึงจะมีเอกราชได้ และการที่ระบอบประชาธิปไตยล้มเหลวตลอดมา ก็เพราะกองทัพแห่งชาติไม่เข้าไปทำหน้าที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยให้เพียง พอนั่นเอง ฉะนั้น กองทัพแห่งชาติจึงไม่เพียงแต่มีหน้าที่ทางทหารเท่านั้น หากยังมีหน้าที่ทางการเมืองอีกด้วย คือ หน้าที่ทางการเมืองของชาติ อันได้แก่การรักษาเอกราชของชาติ และรักษาอธิปไตยของปวงชน
๔.๒ ปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพแห่งชาติ
การที่กองทัพแห่งชาติจะปฏิบัติหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์สองประการอย่างมี ประสิทธิภาพได้ จะต้องปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพให้สูงขึ้น เนื่องจากสงครามในปัจจุบันซึ่งกองทัพแห่งชาติเผชิญอยู่ มีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับสงครามในอดีต ทำให้ยุทธศาสตร์ของกองทัพแห่งชาติที่มีอยู่เดิมไม่เพียงพอสำหรับทำสงครามใน ลักษณะใหม่ให้ชนะ ฉะนั้น สารสำคัญของการปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพ จึงอยู่ที่การปรับปรุงยุทธศาสตร์ เมื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์ให้สมบูรณ์ ทั้งยุทธศาสตร์ทหารและยุทธศาสตร์การเมืองแล้ว การปรับปรุงขีดความสามารถอื่นๆ เช่นด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ก็จะสำเร็จตามไปด้วย
๔.๓ ปรับปรุงสวัสดิการทหาร
การที่กองทัพจะมารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยขีดความสามารถในระดับสูงได้นั้น ทหารจะต้องได้รับสวัสดิการในทุกด้านอย่างเพียงพอ ฉะนั้น จึงต้องปรับปรุงสวัสดิการทหารในทุกด้านให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
(รายละเอียดยังมีอีกมาก ครับ นี่เป็นโครงสร้างด้านการป้องกันประเทศ ย่อๆของการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านการป้องกันประเทศ ฯ)
Edit:thongkrm_virut@yahoo.com

โปรแกรมสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านการต่างประเทศ มีโครงสร้างย่อๆ ดังต่อไปนี้
การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย (ตอนที่ ๕. ประชาธิปไตยด้านการต่างประเทศ)
๕ นโยบายต่างประเทศ
๕.๑ รักษาลักษณะพิเศษของนโยบายต่างประเทศของชาติไทย
นโยบายต่างประเทศกำหนดขึ้นจากรากฐานของวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์และทาง สังคมของประเทศไทย ภายใต้หลักนำของลักษณะพิเศษประจำชาติไทย ๓ ประการ คือ
๕.๑.๑ รักความเป็นไท
๕.๑.๒ อหิงสา
๕.๑.๓ รู้จักประสานผลประโยชน์
ชาติไทย เป็นชาติเก่าแก่ซึ่งมีลักษณะประจำชาติสูงส่ง จึงมีนโยบายต่างประเทศอันแน่นอน เป็นมรดกล้ำค่าตกทอดมาแต่บรรพกาล เรียกว่า “นโยบายอิสระ” วิธีดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ถูกต้องก็คือ นำเอานโยบายอิสระมาใช้กับปัญหาความสัมพันธ์กับต่างประเทศตามสถานการณ์ที่ เปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น สำหรับนโยบายต่างประเทศของไทยแล้ว นโยบายหลักไม่เปลี่ยนแปลง แต่นโยบายตามสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และจะต้องใช้นโยบายสองอย่างนี้ควบคู่กันตลอดไป โดยนโยบายตามสถานการณ์ตั้งอยู่บนรากฐานของนโยบายหลัก ไม่ว่าจะดำเนินนโยบายต่อประเทศใด หรือต่อปัญหาใด ในสถานการณ์ใด เช่น ต่อสหรัฐอเมริกา ต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อสหภาพโซเวียต ต่อสหประชาชาติ ต่ออาเซี่ยน ต่ออินโดจีน ฯลฯ จะต้องยึดถือนโยบายอิสระเป็นหลักอยู่ตลอดเวลา วิธีดำเนินนโยบายต่างประเทศเช่นนี้ ประเทศไทยเคยใช้มาแต่อดีต ยังผลให้รอดพ้นภัยพิบัติและดำรงเอกราชอธิปไตยไว้ได้ ในปัจจุบันสภาวการณ์ทางภูมิศาสตร์และทางการเมือง กำหนดให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในความขัดแย้งของโลก ทั้งความขัดแย้งระหว่างเสรีนิยมกับสังคมนิยม ความขัดแย้งภายในระบบเสรีนิยม ความขัดแย้งภายในระบบสังคมนิยม และในท่ามกลางความขัดแย้งของโลกปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดไม่ว่ามหาอำนาจหรือมิช่มหาอำนาจ จะเป็นหลักในการแก้ความขัดแย้งได้ ทำให้มีอันตรายแห่งสงคราม ทั้งในขอบเขตภูมิภาคและขอบเขตโลก แต่ประเทศไทยซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดและมีนโยบายต่างประเทศที่อยู่ บนรากฐานของลักษณะประจำชาติอันสูงส่ง เป็นประเทศเดียวที่อยู่ในฐานะที่จะแก้ความขัดแย้งของโลก ป้องกันสงครามและรักษาสันติภาพซึ่งเป็นหลักประกันของการรักษาผลประโยชน์ของ ประเทศไทยอย่างถึงที่สุด ฉะนั้น ประเทศไทยจึงต้องวางตัวเป็นหลักตามความหมายที่แท้จริงของ “นโยบายอิสระ” ในท่ามกลางความขัดแย้งทั้งในภูมิภาคและในโลก
๕.๒ ส่งเสริมสัมพันธไมตรีอันดีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับทุกประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในระบอบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจและสังคม
๕.๓ ส่งเสริมชักชวนการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีหลักประกันที่เป็นธรรม และร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อเสริมสร้างประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระหว่างประเทศ
๕.๔ ยับยั้งการสร้างสถานการณ์เพื่อเปลี่ยนสงครามในประเทศเป็นสงครามประชาชาติ และกำจัดบรรยากาศสงครามประชาชาติ
๕.๕ ดำเนินนโยบายเป็นกลางบนรากฐานของ “นโยบายอิสระ” ของชาติไทย ในปัญหาความขัดแย้งภายในระบบสังคมนิยม
๕.๖ เรียกร้องให้มีการประชุมนานาชาติ เพื่อรับรองสถานภาพเป็นกลางของประเทศไทย เพื่อเป็นเงื่อนไขให้ประเทศไทย ในฐานะเป็นจุดยุทธศาสตร์อันสำคัญที่สุดในความขัดแย้งของโลกปัจจุบัน ได้แสดงบทบาทอย่างเต็มภาคภูมิในการป้องกันสงครามและรักษาสันติภาพถาวรของโลก
(รายละเอียดยังมีอีกมาก ครับ นี่เป็นโครงสร้างด้านการต่างประเทศ ย่อๆของการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านการต่างประเทศฯ)
Edit:thongkrm_virut@yahoo.com



 โปรแกรมสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านวัฒนธรรม มีโครงสร้างย่อๆ ดังต่อไปนี้
การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของไทย (ตอนที่ ๖. ประชาธิปไตยด้านวัฒนธรรม)
๖ วัฒนธรรม
๖.๑ กำจัดวัฒนธรรมต่ำทรามที่แพร่หลายมาจากต่างประเทศ และรับวัฒนธรรมต่างประเทศโดยกลั่นกรอง
วัฒนธรรมเป็นองค์ประกอบอันสำคัญอย่างหนึ่งของระบบสังคม และมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับองค์ประกอบสำคัญอีกสองประการ คือ เศรษฐกิจและการเมือง ฉะนั้น การแก้ปัญหาวัฒนธรรมจึงต้องประสานกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง เศรษฐกิจซึ่งระบบผูกขาดของเอกชนครอบงำการครองชีพของประชาชน และการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย นอกจากจะบั่นทอนวัฒนธรรมอันดีงาม ยังเป็นแหล่งรองรับวัฒนธรรมต่ำทรามที่แพร่มาจากต่างประเทศอีกด้วย การพัฒนาระบบเศรษฐกิจระบบเสรีนิยมที่ก้าวหน้าและพัฒนาการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ มาตรการพื้นฐานในการป้องกันและกำจัดวัฒนธรรมต่ำทรามต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นภายในประเทศและที่แพร่มาจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็ใช้มาตรการทางกฎหมายและทางการศึกษาอบรมควบคู่กันไปด้วย วัฒนธรรมต่ำทรามนั้นไม่เป็นสิ่งพึงประสงค์ไม่ว่าของเทศใดๆ แต่วัฒนธรรมที่ดีของแต่ละชาติก็ไม่ใช่ว่าจะยอมรับซึ่งกันและกันใด้เสมอไป วัฒนธรรมซึ่งชาติหนึ่งถือว่าดี อีกชาติหนึ่อาจถือว่าไม่ดีก็ได้ เช่น ประเพณีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงซึ่งชาติหนึ่งถือว่าดีงาม แต่อีกชาติหนึ่งถือว่าเป็นการอนาจารไปก็มี ฉะนั้น การรับวัฒนธรรมจากต่างชาติ จึงต้องคัดเลือกกลั่นกรองเอาแต่เฉพาะที่ไม่ขัดกับวัฒนธรรมไทย แม้ว่าวัฒนธรรมเหล่านั้นจะไม่ใช่วัฒนธรรมต่ำทรามก็ตาม

๖.๒ เชิดชูวัฒนธรรมไทยอันสูงส่งมาแต่บรรพกาล

ภูมิแห่งจิตใจของชนชาติไทยซึ่งแสดงออกทางขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วรรณคดี และความสัมพันธ์กับต่างชาติ เป็นต้นนั้นสูงส่งอย่างยิ่ง ซึ่งจะต้องรักษาและเชิดชูไว้ตลอดไป วัฒนธรรมอันสูงส่งย่อมอาศัยระบอบประชาธิปไตยเป็นพื้นฐาน เพราะวัฒนธรรมอันสูงส่งก็คือวัฒนธรรมของประชาชน ถ้าไม่มีประชาธิปไตย วัฒนธรรมของประชาชนก็จะไม่สามารถพัฒนาอย่างเต็มที่ได้ การปกครองประเทศไทยมีลักษณะประชาธิปไตยมาตั้งแต่บรรพกาล นี่คือ ปัจจัยสำคัญให้วัฒนธรรมของประชาชนได้พัฒนาอย่างเต็มที่ จึงส่งเสริมให้วัฒนธรรมไทยเป็นวัฒนธรรมที่สูงส่ง ฉะนั้น มาตรการพื้นฐานของการเชิดชูวัฒนธรรมไทยก็คือ การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับประเทศไทยนั่นเอง ประสานกับการส่งเสริมวัฒนธรรมใดด้านต่าง ๆ โดยตรงด้วย

๖.๓ ส่งเสริมเสรีภาพของกลุ่มชนต่างเชื้อชาติในประเทศไทยในการพัฒนาวัฒนธรรมของตน

คนไทยประกอบด้วยชนหลายเชื้อชาติ นอกจากเชื้อชาติไทยแล้วยังมีชนเชื้อชาติอื่นๆ เช่น ชาวเขา ชาวมาเลย์ เป็นต้น ความแตกต่างทางเชื้อชาติย่อมกำหนดความแตกต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ระบอบประชาธิปไตยยอมรับ ฉะนั้น ระบอบประชาธิปไตยจึงต้องให้เสรีภาพทางวัฒนธรรมแก่ชนเชื้อชาติต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อให้วัฒนธรรมของประชาชนเชื้อชาติเหล่านั้นได้พัฒนาไปอย่างเต็มที่ แม้ว่าวัฒนธรรมของชนเชื้อชาติอื่นจะแตกต่างกับวัฒนธรรมของชนเชื้อชาติไทยก็ตาม แต่เมื่อเป็นวัฒนธรรมของประชาชนก็ย่อมเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามทั้งสิ้น ฉะนั้น การให้เสรีภาพทางวัฒนธรรมจึงมีผลดี โดยเฉพาะคือ ผลดีในการกระชับความสามัคคีแห่งชาติ

๖.๔ พัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองบนรากฐานของการส่งเสริมทรรศนะที่ถือว่า การเมืองคือคุณธรรมตามคตินิยมของคนไทยแต่โบราณ

โดยลักษณะการเมืองคือคุณธรรม เพราะมีความมุ่งหมายเพื่อความสุขของประชาชน ความจริงข้อนี้คนไทยได้ถือเป็นคตินิยมมาแต่โบราณ เช่น ทศพิธราชธรรม เป็นต้น

ในบรรดาระบอบการปกครองทั้งหลาย ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่มีคุณธรรมสูงสุด เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ประชาธิปไตยก็คือธรรมาธิปไตย นั่นเอง จึงไม่มีการเมืองใดจะมีคุณธรรมสูงส่งเสมอด้วยการเมืองประชาธิปไตย และดังนั้นถ้าจะเป็นประชาธิปไตยก็จำเป็นจะต้องกำจัดทรรศนะที่เห็นการเมืองเป็นของสกปรกและกลับไปสู่ทรรศนะเดิม คือ การเมืองเป็นคุณธรรมต่อไป และบนรากฐานของทรรศนะที่ถูกต้องนี้ ดำเนินการพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เช่นความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความอดทนต่อความเห็นที่ตรงกันข้ามกับของตน ความมีวินัย ความยอมรับเสียงข้างมาก ความยืนหยัดในหลักการที่ถูกต้องแม้ว่าจะเป็นฝ่ายข้างน้อย ความใจกว้าง ความยอมแพ้ต่อเหตุผล ความเคารพในหลักวิชา ความอุทิศตนเพื่อประเทศชาติเพื่อประชาชน และเพื่อคุณธรรม เป็นต้น ให้มีทรรศนะที่เห็นการเมืองเป็นคุณธรรม และให้สมบูรณ์ด้วยวัฒนธรรทางการเมืองอย่างมากที่สุด

๖.๕ ส่งเสริมความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติไทย รวมทั้งศาสนาอื่นๆ ในประเทศไทย

พระพุทธศาสนาเป็นองค์ประกอบอันสำคัญที่สุดของวัฒนธรรมไทย เพราะหลักธรรมของพระพุทธศาสนาสอดคล้องอย่างลึกซึ้งกับลักษณะพิเศษประจำชาติไทย โดยเฉพาะคือ อหิงสา (ความไม่เบียดเบียน) เป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของคนไทย และหลักธรรมอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาคือ อหิงสา ปรโม ธมฺโม (ความไม่เบียดเบียนเป็นธรรมอย่างยิ่ง) ด้วยเหตุนี้ คนไทยซึ่งรับเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จึงเข้ากับศาสนาอื่นได้เป็นอย่างดี ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยไม่เคยมีการเลือกปฏิบัติต่อศาสนาอื่น และไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางศาสนา การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนับถือพุทธศาสนาของคนไทยนั้น โดยพื้นฐานเป็นการนับถือหลักธรรมอันแท้จริง แม้ว่าจะประกอบด้วยพิธีการ และลัทธินิยมอื่นๆ มากมาย แต่โดยพื้นฐานก็มิได้ละทิ้งหลักธรรมอันแท้จริง หลักธรรมอันแท้จริงนี่เอง คือ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของศาสนา ซึ่งควรเน้นหนักในการส่งเสริมโดยร่วมมือกับบรรดานักปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง

เหล่านี้ คือนโยบายหลักของสภาปฏิวัติแห่งชาติ สภาปฏิวัติแห่งชาติ มีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัตินโยบายนี้เพื่อให้เป็นผลสำเร็จ โดยถือเป็นภารกิจอันสำคัญที่สุดในการนำประเทศชาติและประชาชนผ่านพ้นภัยพิบัติ ผลักดันความเจริญก้าวหน้าไปสู่สังคมประชาธิปไตย ยังความไพบูลย์แก่ประเทศชาติและความผาสุกแก่ประชาชน และรักษาชาติไทยให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร.

(รายละเอียดยังมีอีกมาก ครับ นี่เป็นโครงสร้างด้านการต่างประเทศ ย่อๆของการปกครองแบบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ด้านวัฒนธรรม)
edit:thongkrm_virut@yahoo.com
ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก blogger : ครูทองคำ วิรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น