วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564
วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564
วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564
วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564
สงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ไทยซะเมื่อไหร่ ?
สงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ไทยซะเมื่อไหร่ ?
ตรุษสงกรานต์ไม่ใช่ประเพณีขึ้นปีใหม่ไทยเท่านั้น
แต่เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ของเมืองในภูมิภาคอุษาคเนย์ที่อยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่หลายบ้านหลายเมืองทีเดียว
เขรม ลาว พม่า มอญ ล้านถือว่าตรุษสงกรานต์เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ของเขาด้วยทั้งนั้น
ทำไม ? ถึงเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้มีเหตุมาจาก อินเดีย
เพราะตรุษสงการนต์เป็นประเพณีที่มีกำเนิดมาจากอินเดีย
พวกพราหมณ์จากอินเดียคงจะเอามาเผยแพร่ในราชสำนักของบ้านเมืองในภูมิภาคนี้ก่อน
จากนั้นก็ส่งอิทธิพลลงไปชุมชนหมู่บ้านทั่วไป
ทั้งภูมิภาคที่นับถือพุทธกับพราหมณ์สืบมาจนทุกวันนี้ ถ้าถามว่าประเพณีนี้เริ่มมีมาแต่แต่ครั้งไหน
? ตอบไม่ได้ชัดเจน เพราะไม่มีหลักฐาน
แต่น่าเชื่อว่ามีมาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธา
เพราะมีเอกสารยืนยันแน่นอนว่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ราชสำนักมีพระราชพิธีนี้แล้ว
ดังปรากฎในกฎมณเฑียรบาลมีพระราชพิธีใหญ่ในเดือนห้า คือ สงกรานต์นี่แหละ มีเอกสารจำนวนหนึ่ง
ประกอบกับวิถีชีวิตประจำวันของคนพื้นเมืองระบุว่า
แต่เดิมผู้คนพลเมืองของสยามประเทศมีประเพณีขึ้นปีใหม่เมื่อเดือนอ้าย
แปลว่าเดือนที่หนึ่ง ตรงกับปฎิทินสากลราวพฤศจิกายนหรือพูดง่ายๆ
ว่าเสร็จลอยกระทงก็ขึ้นปีใหม่ เขียนบอกมาอย่างนี้เห็นจะมีคนเชื่อยาก เพราะต่างก็ลืมเดือนอ้ายตามจันทรคติไปเสียหมดแล้ว
แต่มาหลงเดือนห้าที่มีตรุษสงกรานต์ว่าเป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ไทยไปเสียหมด
แม้สถาบันการศึกษาก็อบรมสั่งสอนกันมาอย่างนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้นยังฟูมฟายว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ไทยแท้ๆ
ถ้าบ้านเมื่ออื่นเขาถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของเขาบ้าง ก็พากันงงๆ
แล้วพานคิดเอาเองว่ารับแบบแผนไปจากไทย ทั้งๆ ที่อาจตรงกันข้าม คือสมัยแรกๆ
ฝ่ายไทยอาจรับแบบแผนมาจากเขมร หรือ มอญก็ได้ แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือ
ต้นแบบมาจากอินเดียโน่น ไม่ใช่ประเพณี ดั้งเดิมของภูมิภาคนี้
อันที่จริงการรับแบบแผนประเพณีของใครมาเป็นเรื่องปกติ
เมื่อรับมาแล้วก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนเป็นลักษณะของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ที่แปลกก็คือ เมื่อมีหลักฐานชัดๆ ว่าไม่ใช่ของตนมาแต่เดิม
และไม่ใช่ของตนฝ่ายเดียว เพราะที่อื่นๆ ก็มีแบบเดียวกัน กลับไม่ยอมรับความจริง
ไม่ยอมทำความเข้าใจความเป็นมาที่แท้จริง แถมไปดูหมิ่นถิ่นแคลนบ้านเมืองอื่นๆ
เขาอีก ตรงนี้แหละแปลก และประหลาดแท้ๆ
เหตุที่เป็นอย่างนี้พอเข้าใจได้ว่ามาจากถูกสอนให้ หลงความเป็นไทย ทั้งๆ
ไม่รู้ว่าอะไรคือไทย แม้คนไทยมาจากไหนก็ยังไม่รู้
แต่หลงเอาไว้ก่อนเพื่อใช้เป็นอาวุธทิ่มแทงคนอื่นที่ไม่ใช่ไทย หรือ
ที่คิดแตกต่างจากไทย ความเป็นไทย คืออะไร? อยู่ตรงไหน? ผมไม่รู้
ตอบไม่ได้ อธิบายไม่ถูก จะมีหรือไม่มี ไม่ทราบ แต่รู้แน่ว่าความเป็นคนน่ะมี
และมีอยู่ทุกคน ประเพณีสงกรานต์ไม่ได้แสดงความเป็นไทย
แต่แสดงความเป็นคนที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ในภูมิภาคนี้ ต้องพึ่งพาธรรมชาติ
ต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวต่อธรรมชาติ เพราะพืนพันธุ์ธัญญาหารมาจากธรรมชาติ
พิธีกรรมที่แสดงออกในเทศกาลนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
และวิงวอนร้องขอความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ
พระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยาต้อวประกอบพระราชพิธีเดือนห้า หรือ สงกรานต์
ก็เพื่อขอความอุคมสมบูรณ์ให้คนทุกคนในราชอาณาจักร
คนทุกคนในราชอาณาจักรก็ทำพิธีกรรมในเทศกาลสงกรานต์เพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ให้แก่
ชุมชน ของตนและของคนอื่น
แต่ทุกวันนี้เราเล่นสงกรานต์ด้วยการสาดน้ำอย่างรุนแรงเท่านั้นเพื่ออะไร ? เพื่อความสะใจส่วนตัว
และพวกพ้องเท่านั้น หรือ เพื่อรับนักท่องเที่ยว เราลืมธรรมชาติ ลืมคน ลืมชุมชน
แล้วก็ลืมราชอาณาจักรใช่ไหม ? ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวบ้าน ชาวเมือง
ถึงได้มีแต่ความทุกข์ยากลำบากบนจนยากกันทั่วไป น่าเวทนาจริงๆ ?
อ้างอิง : บทบรรณาธิการ ศิลปวัฒนธรรม ฉบับที่ 6
เมษายน 2544 หน้า 10-11
ผู้เขียน : สุจิตต์ วงษ์เทศ
ภาพ : ฉีดน้ำและสาดน้ำสงกรานต์ในกรุงมัณฑะเลย์
ที่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2431 (ตรงกับไทยสมัย ร.5) [ภาพ THE BURMESE NEW YEAR จาก
THE GRAPHIC (ฉบับวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1888 หน้า 13)]