วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

สรุปข่าววันนี้(วันที่ 29 มกราคม 2560) ส่วนใหญ่เป็นข่าวการเคลื่อนไหวของประชาชน

วันจันทร์, มกราคม 29, 2561

case in point :กรณีถอดนิด้าโพล เห็บไม่กระโดด แต่กัดกันเอง

น่าเป็นปลื้มเสียจริงกับ คสช. ที่มีลิ่วล้อบริวารแสนจะจงรักภักดี ทั้งในสถานปั่นกฎหมายและสำนักวิจัย แห่งชาติ

Cases in point :พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กับ นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า

สำหรับทั่นสมาชิก สนช. ลิ่วล้อคณะรัฐประหารพันธุ์แท้ ออกหน้าแก้ตัวแทนหัวหมู่เรื่องยืดเวลาเลือกตั้งออกไปอีก ๓ เดือน “จะเป็นจะตาย” ให้ทั้งฝ่ายการเมืองและภาคประชาสังคมค้านสนั่น นั่นน่ะ

“สนช.ให้ความสำคัญในแง่การชดเชยให้พรรคการเมือง ที่ติดล็อคตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีเวลาทำกิจกรรม

ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง โร้ดแม็พไม่ได้ตายตัวสามารถยืดหยุ่นได้ เป็นการแก้กฎหมายเพื่อให้พรรคสามารถทำตามขั้นตอนได้”


แหม่ทั่น ที่เขาค้านกันไม่ได้เกี่ยวเนื่องว่าจะไม่มีเลือกตั้ง แต่มันช้าเกินการนานเกินควรมาจะสี่ปีเข้านี่แล้ว พวกทั่นเลื่อนกำหนดโร้ดแม็พกันปีละหน ตระบัดสัตย์เรื่อยมา แก่ๆ กันแล้วรักษาคำพูดเสียบ้างก็ดี ลงโลงไปจะได้มีอะไรประคับประคองวิญญานให้ไปสู่สุคติ
 
โร้ดแม็พนั้นเปรียบประดุจสัญญา ถ้ายืดหยุ่นได้ไม่หยุดหย่อน จะมีไว้หาพระแสงของ้าวอันใดครับกระผม และประการสำคัญ ไอ้ ล็อค คำสั่ง คสช. นั่นละที่เป็นปัญหา ออกมาเพื่อยืดเวลาโดยหาได้มีความจำเป็นอันใดนอกจากช่วยเหลือพรรคใหม่ฝ่ายทหาร

มาถึงรายนักวิชาการใหญ่ เป็นถึงอธิการบดีสำนักค้นคว้าที่ เคย มีเกียรติภูมิระดับภูมิภาค หลังจากทำหน้าที่บริกรบริการรับใช้พวกนักรัฐประหารกันมากว่าทศวรรษ เดี๋ยวนี้แค่เล่นบท พรมเช็ดเท้า ให้แก่ คสช.

วันนี้ (๒๙ มกรา) อธิการฯ นิด้า แอ่นอกรับคำด่า เรื่องอื้อฉาวในการถอดผลโพลออกเพื่อปกป้องรองหัวหน้า คสช. ที่ผูกนาฬิกาหรูราคาเหยียบล้านตั้ง ๒๕ เรือน (เกิดเสียงนินทาว่ารับส่วยมา) กลับแก้ตัว “เพื่อนให้ยืมใส่”
 
นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อ้างว่าตนเองน่ะแหละที่ถอดผลโพลกรณีนาฬิกาและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ จาก ปปช. “หากทำผลสำรวจในช่วงนี้ เท่ากับเป็นการชี้นำสังคม”

อะพิโถ ตอนที่ออกโพลว่าความนิยมรัฐบาล คสช. สูงลิบลิ่วนั่นไม่เห็นกลัวว่าจะเป็นการชี้นำสังคมบ้างล่ะ อ้างว่าคดียังอยู่ระหว่างสอบสวน ไม่มีคำตัดสินเป็นที่สิ้นสุด แต่นั่นมันเรื่องของตุลาการไม่ใช่เรื่องของการหยั่งความเห็นประชากร

ก็คนที่ทำโพลเองนั่นปะไรไม่ใช่หรือที่ออกมาโวย “นิด้าโพลมีหน้าที่ต้องดำรงความถูกต้อง ที่ควรสะท้อนเสียงของประชาชนอย่างตรงไปตรงมา เคารพความคิดเห็นของประชาชน เมื่อผลโพลออกมาอย่างไรก็มีหน้าที่ต้องนำเสนอ”

นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นของนิด้าให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวไทย ภายหลังจากที่ได้ประกาศลาออกจากภาระหน้าที่จัดทำโพล เนื่องจากอธิการบดีเข้าไปแทรกแซงการทำงาน โดยคอยกำกับควบคุมผลโพลทางการเมืองไม่ให้ออกมากระเทือนซางของ คสช.

นายอานนท์ซึ่งอ้างตน “ผมสนับสนุนรัฐประหารและสนับสนุนรัฐบาลอยู่” แต่เห็นว่า เสรีภาพทางวิชาการและการให้เกียรติกัน สำคัญกว่า

“ถ้าสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ผมก็ไม่จำเป็นต้องเลีย top boot นะครับ ยิ่งมีหลักฐานทางวิชาการที่รัดกุมเป็นความคิดเห็นของประชาชน หน้าที่ผมในฐานะนักวิชาการยิ่งต้องนำเสนออย่างตรงไปตรงมา” นายอานนท์ สาธยายไว้บนหน้าเฟชบุ๊ค'Arnond Sakworawich' ของเขา

ถึงกระนั้นก็ดีเขาได้โพสต์เฟชบุ๊คเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากลายเป็น เห็บกระโดด หรือ กลับใจ แต่อย่างใด

“รัฐบาล/ทหาร/คสช. ไม่ได้เกี่ยวกับการเซ็นเซอร์ผลของ NIDA POLL แต่อย่างใด กรุณาอย่าโยงไปหารัฐบาล/ทหาร/คสช. นี่คือ self-sensor”

นิด้าโพลที่อ้างถึงเป็นชุดที่แถลงถึงความเชื่อมั่นในการตรวจสอบรัฐบาลและ คสช. โดย ปปช. ที่พบว่ามีความไม่ปกติ/ไม่โปร่งใส ถึง ๗๖.๓๒ ซึ่งควรจะมีผลสำรวจเกี่ยวกับนาฬิกาอื้อฉาว ๒๕ เรือนของ พล.อ.ประวิตรรวมอยู่ด้วย แต่ถูกอธิการบดีถอดออกไปเสีย

ต่างจังหวัด เริ่มแล้ว.... คสช. ออกไป ประชาธิปไตย คืนมา




https://www.facebook.com/rachun.rasima.7/videos/175925216503605/

...

ต่างจังหวัด เริ่มแล้ว....
คสช. ออกไป ๆ ๆ ๆ ๆ
ประชาธิปไตย คืนมา ๆ ๆ ๆ

พลเมืองต่อต้าน Single Gateway เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม #opsinglegateway shared Rachun A Rasima's video.

ooo

ปัจจัยหลักที่ทำให้ คสช.ยังอยู่ต่อไปได้ แม้ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในปี 61
.
1.เสถียรสภาพในกองทัพ ยังไม่มีเสียงแตก ยังร่วมหัวจมท้ายกันอยู่ การกอดซากศพทนกับกลิ่นเน่าเหม็นของประวิตร กรณีนาฬิกาหรู เป็นการรักษาเสถียรภาพนี้ไว้
.
2.การรักษาระดับความรุนแรงที่ใช้ต่อฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเผด็จการทหารไว้ไม่ให้โจ่งแจ้ง ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือแทนอาวุธ ควบคุมพรรคฝ่ายตรงข้าม ควบคุมไม่ให้เกิดขบวนการเคลี่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยขนาดใหญ่ ปิดกั้นไม่ให้เกิดทางเลือกทางการเมืองอื่นนอกจาก คสช.
.
ไม่ได้ต้องการให้มองโลกร้าย แต่อยากบอกว่ายังไม่ง่ายนักที่ระบอบการเมืองการปกครองจะกลับคืนสู่วิถีทางประชาธิปไตย สถานการณ์ทุกวันนี้ยังไม่ถึงจุดชี้เป็นตายเด็ดขาด แต่ฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายรับหรือฝ่ายถูกกระทำแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว
.
การออกเดินบนถนนมิตรภาพของคนที่มีความคิดการเมืองแตกต่าง การออกเดินในสวนลุมฯ โดยการนำของนักวิชาการ ฝ่ายก้าวหน้าหรือคนเสื้อแดงกรุงเทพ รวมถึงกิจกรรมที่หอศิลป และสกายวอล์ค เป็นสงครามการแย่งยึดพื้นที่
.
มันเป็นการแย่งยึดพื้นที่ทางการเมืองกลับคืนมาจากเผด็จการทหาร
.
จุดเปลี่ยนนี้คงต้องขอบคุณชายวัย 72 ปี ชื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับรสนิยมด้านเครื่องประดับของเขา

Sarayut Tangprasert


โพสต์ของ "ชนกนันท์ รวมทรัพย์" เผยความรู้สึกถูกเรียกตัวคดี 112 กรณีแชร์ข่าว BBC --- แปลเป็นอังกฤษโดย ANN NORMAN



ภาพจาก BBC


Translation of post by Chanoknan Ruamsap, who like Pai Daodin was just charged 112 for sharing the BBC news article



By ANN NORMAN·SUNDAY, JANUARY 28, 2018
Source: Ann Norman's FB


บ่ายวันที่ 16 มกราคม 2561 เราตื่นบ่ายสองเหมือนทุกวัน ตื่นมาเจอแฟนทำกับข้าวให้กินเหมือนทุกวัน ลงมาเจอพ่อกับแม่เหมือนทุกวัน เพียงแต่วันนั้นมีใบให้ไปรับของที่ไปรษณีย์ เราก็คิดว่าเป็นหมายนัดศาลทหารคดีราชภักดิ์ เพราะมีนัดขึ้นศาลทหารวันที่ 26 ม.ค. แล้วปกติจะมีหมายนัดมาบ้านเป็นใบให้ไปรับที่ไปรษณีย์แบบนี้


On the afternoon of January 16, 2018, I woke up at 2pm like every day, woke up and meet my boyfriend making food like each day. I come down and see my father and mother like every day, but this day there is a note to give me saying to go pick up something at the post office. And so I thought, it is an summons to military court, a lawsuit. Because I have a summons to go to military court on the 26 of January already and usually there will be a summons coming to my house saying to go receive something at the post office.


เราก็ขับรถไปไปรษณีย์ พอรับจดหมายมาแล้วก็เปิดอ่าน ปรากฎว่าไม่ใช่หมายนัดศาลทหาร แต่เป็นหมายเรียกผู้ต้องหาจากสน.คันนายาว ตอนแรกเรายังไม่ได้อ่านดีๆ ก็ตกใจ นึกว่าขับรถแย่ โดนใบสั่งอีกแล้ว แต่พออ่านข้อกล่าวหาดีๆ เราก็อึ้งไปสักพัก งง ว่าเราโดน 112 จากอะไร ทำอะไรไม่ถูก ระหว่างขับรถกลับบ้านก็ยังพูดอะไรไม่ออก เหมือนตอนนั้นเรามีทางเลือกแค่ไม่กี่ทางทางคือ สู้คดี ติดคุก ลี้ภัย


And so I drove to the post office. As soon as I get the letter, I open and read. It says that its not a summons to military court but it’s a summons for a charge from Kanna Yao Police Station. At first I didn’t read it well, and then I am shocked. I think [it’s for?] driving badly. But when I read the charge correctly, I go completely silent. I am confused: where I could have gotten a 112 [lese majesty] charge from? What had I done wrong? As I drive home, I am still unable to speak. It’s like right then I can still choose a path, but not many paths are open, just: fight the case, go to jail, or flee the country.


เรากลับมาถึงบ้านแล้วได้คุยกับหลายๆคน ปรากฎว่าที่เราโดน 112 จากการแชร์ข่าว BBC ในเดือนธ.ค. ปี 59 ตอนที่เราอยู่บราซิล แล้วทหารที่ชื่อสมบัติ ด่างทา ได้ไปแจ้งความที่สน.คันนายาวตั้งแต่ ธ.ค. 59 แล้ว (จริงๆเราต้องโดนพร้อมไผ่) แต่สน.มีปัญหาภายใน เลยชะลอการออกหมาย พอทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เอาคดีเก่าๆกลับมาออกหมายใหม่ ทำให้เราได้หมายในวันนั้น


I get home and am able to talk with many people. It appears that I have been charged with lese majesty for sharing the BBC news article from December 2016 (the truth is I must have been charged along with Pai) but there is an internal problem, which slows down the issuance of the summons, but as soon as everything is put back on track at the end of last year, the old case returns and a new summons comes out, resulting in me receiving the summons today.


พอรู้แบบนี้แทบจะทุกคนบอกให้ออก แต่สุดท้ายเราเองที่เป็นคนตัดสินใจอยู่ดี เวลาในการตัดสินใจตอนนั้นมันสั้นมาก กระชั้นชิดมาก เรามีเวลาไม่ถึง 30 นาทีในการตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไป มันยากตรงที่ไปครั้งนี้เราคงไม่ได้กลับมาแล้ว เราตัดสินใจลงไปบอกพ่อกับแม่ ทุกคนช็อค แต่ก็เห็นด้วย ไม่มีใครอยากให้เราติดคุก 5 ปี จากการโพสต์แชร์ข่าว BBC


As soon as [we] know this, almost every person tells me to get out. But in the end, I myself am the person who suddenly decided. The time it took to decide is very short. Very short. In less than 30 minutes, I decide whether to stay or go. It’s difficult in that if I go this time, I won’t be able to come back. I decide to go tell my mother and father. Everyone is shocked. But they see it that way too. No one wants me to be stuck in jail 5 years for sharing a BBC news article.


จำได้ว่าแม่ถามว่าไปครั้งนี้คือไม่ได้กลับแล้วใช่มั้ย เราตอบว่า ใช่ แล้วก็ร้องไห้ แม่ก็เหมือนจะร้องไห้ไปด้วย แม่ไม่ค่อยแสดงออกว่าเป็นห่วงเวลาเดินทางไปต่างประเทศนานๆ คงเพราะรู้ว่าซักวันลูกก็ต้องกลับบ้าน แต่ครั้งนี้มันแปลก มันฟังดูห่างไกล มันฟังดูเหงามากๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง


I remember my mother asking, “If you go this time, you can’t return, right?” I answered “Yes” and then I cried. And my mother cried along with me. My mother never showed that she was worried whenever I would go outside the country for a long time. Probably because she knew that one day her child would return home. But this time is very strange, like I’m listening and watching from afar, listening and watching all alone and lonely. I don’t know how to explain. 


ส่วนพ่อ... พ่อรักเรามากที่สุดในโลก แล้วเราก็รักพ่อมากที่สุดในโลกเหมือนกัน พ่อรู้แล้วก็เศร้ามาก เครียดมาก เรารู้เพราะพ่อไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่วันนั้นมันแสดงออกมาทางสีหน้าชัดเจน พ่อสูบบุหรี่มวนต่อมวน แล้วกินเบียร์ไปเยอะมากภายในไม่กี่ชม.ที่รู้เรื่องจนถึงเวลาที่เราออกมา หลักๆคือเป็นห่วงว่าเราจะไปอยู่มุมไหนของโลก จะอยู่ยังไง จะใช้ชีวิตยังไง


As for my father . . . my father loves me the most in the world. And I love my father the most in the world also. When my father knows, he is very sad. Very stressed. I know because my father never shows his feelings. But that day he shows his feelings clearly in his expression. My father smokes many cigarettes and drinks a lot of beer within just a few hours from when he first learns the story until when I leave. Basically it’s because he is worried about what corner of the world I will be going to, how I will live, and how I will spend my life. 


เรามีเวลาไม่กี่ชั่วโมงเหมือนกันในการบอกลาเพื่อนสนิทไม่กี่คน ทุกคนมีอาการเดียวกันคือ ช็อค อึ้ง พูดไม่ออก ...เราก็เหมือนกัน


I have not many hours for saying goodbye to close friends, not that that many people. Every person has the same expression: it’s shock to the point of not being able to speak . . . And me too.


มาถึงที่นี่วันแรก เราเอาแต่ร้องไห้ เพราะหนทางมันมืดแปดด้าน ทุกอย่างดูสับสน กระชั้นชิด งง ไม่รู้จะจัดการยังไง เอาแต่ตั้งคำถามว่าเราคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่เลือกจะลี้ภัย หรือเรากลับไปติดคุกแล้วออกมาเจอบ้าน เจอครอบครัว เจอเพื่อนเหมือนเดิม แต่ได้คำตอบว่ามันถอยไม่ได้แล้ว ถึงแม้เราจะลำบากมาๆ เราเชื่อว่าผู้ลี้ภัยหลายๆคนก็ลำบากแบบนี้เหมือนกัน มันไม่ได้สวยหรู ไม่ได้สบาย อย่างน้อยในตอนแรกเราก็พูดได้ว่ามันแย่มาก


Arriving here on the first day, I only cry. Because the way is dark on all sides. Everything looks confusing. Closed in and confusing. I don’t know how I will manage. I ask, “I’m stuck in jail already, right?---in that I have to choose whether to flee, or whether I should return, go to jail, then get out, and once again see my home, my family, and my friends as before?” But I get the answer that at this point there is no turning back even though it is so difficult to come. I believe that many other refugees are also in the same sort of difficulty, just like me. It’s not great. It’s not easy. At least for the beginning, I can say that it’s horrible. 


ตั้งแต่ตอนนั้นเวลามีคนถามว่าเรารู้สึกยังไง เราก็ตอบไม่ถูก ความรู้สึกมันหลากหลายมาก เราทั้งหงุดหงิด ทั้งโกรธ เราโมโห เสียใจ คับแค้นใจ อึดอัด ผิดหวัง ผิดหวังมากๆกับหลายคน หลายอย่างที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีหวังก็สิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตเหมือนกัน


Since that time, when people ask, “How are you feeling?” I can’t answer correctly. The feelings are so varied. I am all moody. I feel angry, mad, upset, resentful, confined, and disappointed---disappointed with so many, many people who have come and gone. But I still have hope and new things are coming into my life as well. 


จนถึงตอนนี้ ในเวลาไม่กี่วัน หลายๆอย่างเริ่มเข้าที่แล้ว สภาพจิตใจเราดีขึ้นเมื่อได้เจอคนที่เรารัก ได้คุยกับพ่อแม่ ได้คุยกับเพื่อน ได้กำลังใจจากคนที่เข้าใจเราจริงๆ ทุกอย่างมันค่อยๆดีขึ้น เรากำลังจะโตขึ้น สิ่งใหม่ๆในชีวิตกำลังจะเข้ามาให้เราเรียนรู้มากขึ้นเหมือนกัน


Up to now, over not very many days, different kinds of things have begun. My mental state improves when I can meet with my loved ones, chat with my mother and father, chat with my friends, and receive moral support from people who truly understand me. Everything gradually improves. I am maturing. The new things coming into my life also have me learning so much more.


[NOTE: This translation was published 7 hours after the original post, today, Sunday January 28, 2018 EST. Here is the original post]





เดินมิตรภาพ คึกคัก หลังมีคำสั่งคุ้มครอง ปชช.กล้าออกมาต้อนรับ นำของกินให้ตลอดทาง





เดินมิตรภาพ คึกคัก หลังมีคำสั่งคุ้มครอง ปชช.กล้าออกมาต้อนรับ นำของกินให้ตลอดทาง


28 มกราคม 2561
ที่มา มติชนออนไลน์


กลุ่มวีวอล์ก เดินมิตรภาพ คึกคัก หลังมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ประชาชนกล้าออกมาต้อนรับสนับสนุนของกินตลอด

ความเคลื่อนไหวของเครือข่ายประชาชนและนักวิชาการ People Go Network จัดกิจกรรม “ วีวอล์ก เดินมิตรภาพ ” หลังจากหยุดพัก 1 วัน เพื่อพักฟื้นร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินเท้าวันติดต่อกัน 6 วัน รวมทั้งถือโอกาสทำความสะอาดเครื่องนุ่งห่มและประชุมหารือสรุปผลการทำกิจกรรมที่ผ่านมา ล่าสุด ศาลปกครอง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขัดขวางการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายประชาชน ฯ พร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้ผู้ร่วมชุมนุมจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นี้

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 มกราคม กลุ่มวีวอล์ก ซึ่งมีตัวแทนจากกลุ่มสลัม 4 ภาค กลุ่มรักษ์บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง กลุ่มดาวดิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด จ.เลย คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) และกลุ่มเหมืองทอง จ.เลย ได้นัดรวมตัวที่ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 95 ริมถนนมิตรภาพ บริเวณหน้าโรงงานข้าวมาบุญครอง สีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เพื่อทำกิจกรรมเดินมิตรภาพ โดยออกจากจุดเริ่มต้นในเวลา 08.50 น. ซึ่งมีผู้ร่วมเดินเท้ารวมทั้งสิ้น 25 คนและรถกระบะแล่นตามหลังขบวนเดินเท้า 6 คัน บางคันบรรทุกเสบียงและสิ่งของสัมภาระ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรขับรถจักรยานยนต์ตราโล่แล่นนำหน้าเปิดไฟกระพริบและอำนวยความสะดวกจราจรเป็นอย่างดี ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว ระหว่างเดินผ่านเขตชุมชน ประชาชนที่มีบ้านพักและที่ทำกินอยู่สองฝากฝั่งถนนมิตรภาพรวมทั้งรถยนต์ที่สัญจรผ่านไปมาได้แสดงสัญลักษณ์ให้กำลังใจทั้งชูมือและบีบแตร บางรายดักรอนำเครื่องดื่มนานาชนิด ผลไม้และขนมมามอบให้กลุ่มวีวอล์กกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศคึกคักกว่าทุกวัน ผู้ร่วมเดินเท้าไม่ได้เดินก้มหน้าเหมือนเดิม ได้ส่งเสียงร้องเพลง “ เดินมิตรภาพ ” โดยนายแก้วใส สามัญชน เป็นผู้ให้คำร้อง-ทำนอง เพื่อเป็นขวัญกำลังให้ผู้ร่วมอุดมการณ์ รวมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊ค live เพจ People Go Network ตลอดเส้นทาง จนกระทั่งทั้งหมดได้เดินทางมาถึงบริเวณหน้าโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลมะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 109 ได้ยุติการทำกิจกรรมประจำวัน

นางสาวแสงศิริ ศรีมรรคา ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนและนักวิชาการ People Go Network เปิดเผยว่า ภาพรวมของการทำกิจกรรมเดินมิตรภาพ รวมเวลา 8 วัน กระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนที่พบเห็นกลุ่มวีวอล์ก เดินเท้าผ่าน กล้าออกมาแสดงความเป็นมิตรและให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยเหลือสนับสนุนอาหารเครื่องดื่มตลอดทาง นอกจากนี้การไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊ค มีจำนวนกดติดตามเพิ่มขึ้นพร้อมแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจสนับสนุนแนวทางต่อสู้ ตลอดเส้นทางที่เดินเท้าผ่าน ทำให้เครือข่ายรับทราบปัญหาทั้ง 4 ประเด็น ซึ่งมีความต้องการพอๆกัน แล้วแต่บริบทแต่ละพื้นที่

หลังศาลปกครอง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ถือเป็นการการันตีให้ทุกคนรู้สึกสบายใจที่จะลุกขึ้นมาเพื่อทวงสิทธิของตนเองรวมทั้งสนับสนุนเจ้าหน้าที่ก็มีท่าทีดีขึ้น แต่งเครื่องแบบแสดงตัวและแนะนำตัวก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งข้อกำหนดเดินเท้าต่อวันประมาณ 18-20กิโลเมตร หยุดพักทุก 3 กม. ฝากถึงประชาชนต้องการสื่อสารปัญหา สามารถเข้าร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ข้อมูล แชร์ ความเดือดร้อนได้ เครือข่ายจะเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลรับทราบต่อไป









"เสรีพิศุทธ์"ท้า"ประยุทธ์"ลงเลือกตั้ง (100 บาท เอาขี้หมากองเดียว... ไม่กล้า!)




https://www.facebook.com/137188693021815/videos/1808702422537092/


ประชาชนจัดกิจกรรม We Walk เดินสวนลุมฯ ให้กำลังใจ 'เดินมิตรภาพ'




ประชาชนจัดกิจกรรม We Walk เดินสวนลุมฯ ให้กำลังใจ 'เดินมิตรภาพ'


2018-01-29 
mี่มา ประชาไท


ตำรวจ-ทหารติดตามกิจกรรมจนจบ ตามแผนจะจัดทุกวันอาทิตย์จนกว่าเดินมิตรภาพจะถึงขอนแก่น เหล่าผู้เข้าร่วมระบุ วันนี้ทิ้งเรื่องสี ทุกคนหลอมรวมมาให้กำลังใจการเดินมิตรภาพ และประเด็นทั้ง 4 ที่รณรงค์ การเดินคือการลงแรงสื่อสารในประเด็นที่ตอนนี้พูดยาก ข้อจำกัดเยอะ

เมื่อ 28 ม.ค. 2561 กลุ่มตัวแทนภาคประชาชนจัดงานเดิน We Walk... สวนลุม ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ เพื่อให้กำลังใจกลุ่มและร่วมรณรงค์กับกลุ่มประชาชนที่ทำกิจกรรม “เดินมิตรภาพ” ที่เดินรณรงค์ในประเด็นใหญ่ 4 ประเด็น ได้แก่ รัฐสวัสดิการ ความมั่นคงทางอาหาร ทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิชุมชนและเสรีภาพ จากกรุงเทพฯ ไปยัง จ.ขอนแก่น

การให้กำลังใจที่สวนลุมพินีมีคนร่วมเดินจำนวนราว 30-50 คน และจากนั้นก็ได้มีการกล่าวให้กำลังใจกลุ่มเดินมิตรภาพ ก่อนที่จะแยกย้าย ในงานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จำนวนหนึ่งติดตามการทำกิจกรรมจนเสร็จสิ้น

ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมกลุ่มพลเมืองโต้กลับ หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม We Walk กล่าวว่า “การเดินเป็นสัญลักษณ์ของการลงแรงเพื่อสื่อสารในสิ่งที่สถานการณ์ปรกติทำไม่ได้ ต่อให้คุณไปเช่าที่แพงๆ หรือระดมคนเยอะๆ ก็มีข้อจำกัดหมดเลย กลุ่ม People Go เลยลงเดินเพื่อยืดเวลาหลายๆ วันของการเดินที่เหนื่อยยาก ค่อยๆ สื่อสารประเด็นที่ไม่ได้ง่าย และไม่มีช่องทางในการพูดคุยมากนัก มันจึงเป็นการลงแรงของสามัญชนจริงๆ เราจึงมาอยู่ที่นี่ วันนี้ เพื่อสนับสนุนความพยายามสื่อสาร 4 ประเด็นหลัก ได้แก่เรื่องรัฐสวัสดิการ ความมั่นคงทางอาหาร สิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน และการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นได้หลังจากการมีการเลือกตั้งที่เราต้องเรียกร้องให้โปร่งใส ยุติธรรม และเกิดขึ้นเร็วที่สุด การเดินของกลุ่ม People Go จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดจากคนตัวเล็กๆ พวกเราคนตัวเล็กๆ จึงมาแสดงพลัง และส่งกำลังใจให้เพื่อนของเราเดินทางไปจนสุดเส้นทางที่ขอนแก่น”





ธัชพงศ์ แกดำ หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า การมาเดินวันนี้เป็นการแสดงความสวยงามของวัฒนธรรมประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และทุกคนมีความตั้งใจเดียวกันคือมาให้กำลังใจกลุ่มเดินมิตรภาพ

“มันเป็นความสวยงามของวัฒนธรรมประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของเรา วันนี้เรามองข้ามความเป็นสี แต่เรามองที่ประเด็นเดียวกัน คือการเดินมิตรภาพและข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อของเพื่อนเรา มันเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพ ถ้าสำเร็จ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกชนชั้น”

“การมากิจกรรมในวันนี้มาเป็นกำลังใจให้เพื่อนที่กำลังเดิน และกำลังจะเป็นตัวแทนพวกเราบอกเล่าเรื่องราวให้สังคมได้รู้ว่า ปัญหาที่มันไม่ได้รับการแก้ไขมาอย่างยาวนานทั้ง 4 ข้อ มันถึงเวลาแล้วที่สังคมไทย ประชาชนต้องลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยกัน วันนี้เราไม่แบ่งแยก แต่เรามาหลอมรวมกัน”





“ผมว่าน่ารักดีครับ ทุกคนเก่งมาก น่ารัก เป็นไปด้วยคำว่ามิตรภาพจริงๆ ทุกคนเดินไปตามวิถีประชาชน มันอาจไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยอะไรมาก แต่มันหลอมรวมด้วยหัวใจเดียวกัน คือส่งใจให้เพื่อนที่กำลังเดินมิตรภาพกันอยู่” ธัชพงศ์กล่าว

“มาเดินเพื่อส่งกำลังใจให้เพื่อนเราที่ต่างจังหวัด เราเห็นว่าเรื่องหลักประกันสุขภาพสำคัญมากที่สุด แต่ก่อนเป็นบัตรถ้วนหน้า ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันหมด ตอนนี้เริ่มมีการร่วมจ่าย แต่ก่อนไปหาหมอ ยาทุกตัวไม่เสีย เดี๋ยวนี้ยาบางตัวมีร่วมจ่ายแล้ว” ผู้ร่วมกิจกรรมที่เดิมเป็นเกษตรกรที่ จ.อุบลราชธานี ตอนนี้เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ กล่าว

หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมอีกคน ระบุว่า “เป็นกำลังใจให้คนที่โดนคดี ขอให้รับรู้ไว้ด้วยว่าเราเป็นกำลังใจให้ทุกเวลาเหมือนกัน แต่ด้วยทหารมีอาวุธ ใช้กลยุทธ กลวิธีหลายอย่างทำให้เราเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก แต่เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ พวกเราก็น่าจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน”





กิจกรรม We Walk จะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ โดยเวลาและสถานที่ของกิจกรรมครั้งต่อไปยังไม่มีประกาศออกมา

ในส่วนสถานการณ์ของกลุ่มเดินมิตรภาพล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. กิจกรรม เดินมิตรภาพ โดยเครือข่าย People Go Network ได้เดิน 20 คนเป็นวันแรกหลังจากที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครอง ซึ่งก่อนหน้านี้กิจกรรมการเดินจะแบ่งเป็นกลุ่มกลุ่มละ 4 คน โดยกิจกรรมได้มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 6-7 คนขับรถติดตามเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

ooo



https://www.facebook.com/bow.nuttaa/videos/10155403387460819/


ผอ.นิด้าโพล ประกาศลาออก รับไม่ได้ ผู้บริหารห่วงสถานภาพมากกว่าเสรีภาพทางวิชาการ กรณีโพลนาฬิกาหรู





https://www.facebook.com/thairath/videos/10156563075127439/


ไปเถอะ อยู่ในที่ปลอดภัยดีกว่าติดคุกที่ถูกยัดเยียด - 'การ์ตูน NDM' ถูกหมายเรียกคดี ม.112 ปมแชร์ พระราชประวัติ ร.10 จาก BBC Thai




'การ์ตูน NDM' ถูกหมายเรียกคดี ม.112 ปมแชร์ พระราชประวัติ ร.10 จาก BBC Thai

2018-01-28
ที่มา ประชาไท


การ์ตูน อดีตโฆษกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เผยตัดสินใจลี้ภัยต่างประเทศแล้ว หลังถูกหมายเรียกคดี ม.112 ปมแชร์พระราชประวัติ ร.10 จาก BBC Thai เหมือน 'ไผ่ ดาวดิน'

28 ม.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 16.50 น.ที่ผ่านมา ชนกนันท์ รวมทรัพย์ หรือ การ์ตูน อดีตโฆษกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) โพสต์ภาพหมายเรียกจากตำรวจในคดีที่ตนเองตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว 'Chanoknan Ruamsap' ในลักษณะสาธารณะ โดยหมายเรียกดังกล่าวระบุผู้ฟ้องคือ ร.ท.สมบัติ ต่างทา และระบุให้ ชนกนันท์ มารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.คันนายาว ในวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา


คุยกับการ์ตูน : เมื่อ NDM เปิดฉากรณรงค์ Vote No กลางงานหนังสือ
1 ปีในคุกของ ‘ไผ่ ดาวดิน’ สิทธิประกันตัวคดี 112 ที่เขียนไว้แต่ไม่มีจริง


ชนกนันท์ ระบุในโพสต์เฟสบุ๊คของเธอด้วยว่า คดีดังกล่าว เกิดจากการแชร์รายงานพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 จากเว็บไซต์ BBC Thai รายงานซึ่งมีผู้แชร์ร่วมกันกับเขาราว 2,800 คน ลงในเฟซบุ๊กตั้งแต่ ธ.ค.ปี 2559

สำหรับกรณีรแชร์รายงานพระราชประวัติ ร.10 นี้ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ถูกดำเนินคดีนี้ตั้งแต่ปลาย ธ.ค.59 และถูกเพิกถอนสิทธิประกันตัว แม้จะยื่นเรื่องขอประกันตัวอีกนับสิบครั้งแต่ก็ไม่ได้รับสิทธิประกันตัว จนกระทั่ง จตุภัทร์ ตัดสินใจยอมรับสารภาพ และ 15 ส.ค.2560 ศาลจึงพิพากษาสั่งจำคุก จตุภัทร์ เป็นเวลา 5 ปี แต่ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน

ชนกนันท์ เล่าต่อว่า หมายเรียกดังกล่าว ได้รับเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ตนแชร์ข่าวจาก BBC Thai ตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 59 แล้ว และทหารที่ชื่อ สมบัติ ด่างทา ได้ไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ตั้งแต่ ธ.ค.59 จริงๆ ตนต้องโดนดำเนินคดีพร้อม จตุภัทร์ แต่ สน. มีปัญหาภายใน เลยชะลอการออกหมาย พอทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เอาคดีเก่าๆ กลับมาออกหมายใหม่ ทำให้ตนได้หมายในวันนั้น
ชนกนันท์ เล่าถึงความยากลำบากในการตัดสินใจที่จะดำเนินการกับชีวิตของเธอหลังทราบหมายเรียก ทั้งปฏิกิริยาจากครอบครัวและเพื่อนสนิท ที่ทุกคนช็อคและห่วงใยกับการที่เธอเลือกลี้ภัยไปต่างประเทศ

"แต่ก็เห็นด้วย ไม่มีใครอยากให้เราติดคุก 5 ปี จากการโพสต์แชร์ข่าว BBC" ชนกนันท์ เล่าผ่านเฟสบุ๊กของเธอ

"มาถึงที่นี่วันแรก เราเอาแต่ร้องไห้ เพราะหนทางมันมืดแปดด้าน ทุกอย่างดูสับสน กระชั้นชิด งง ไม่รู้จะจัดการยังไง เอาแต่ตั้งคำถามว่าเราคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่เลือกจะลี้ภัย หรือเรากลับไปติดคุกแล้วออกมาเจอบ้าน เจอครอบครัว เจอเพื่อนเหมือนเดิม แต่ได้คำตอบว่ามันถอยไม่ได้แล้ว ถึงแม้เราจะลำบากมากๆ เราเชื่อว่าผู้ลี้ภัยหลายๆ คนก็ลำบากแบบนี้เหมือนกัน มันไม่ได้สวยหรู ไม่ได้สบาย อย่างน้อยในตอนแรกเราก็พูดได้ว่ามันแย่มาก" ชนกนันท์ เล่าต่อ

ชนกนันท์ ระบุตอนท้ายด้วยว่า ขณะนี้หลายๆ อย่างเริ่มเข้าที่แล้ว สภาพจิตใจตนดีขึ้นเมื่อได้เจอคนที่ตนรัก ได้คุยกับพ่อแม่ ได้คุยกับเพื่อน ได้กำลังใจจากคนที่เข้าใจเราจริงๆ ทุกอย่างมันค่อยๆดีขึ้น ตนกำลังจะโตขึ้น สิ่งใหม่ๆ ในชีวิตกำลังจะเข้ามาให้ตนเรียนรู้มากขึ้นเหมือนกัน

นอกจากคดีนี้ ชนกนันท์ ยังเป็น 1 ในนักกิจกรรมที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนชุมนุม ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 จากการร่วมกันทำกิจกรรม “นั่งรถไฟไปราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” เมื่อ 7 ธ.ค.2558

ชนกนันท์ เมื่อครั้งที่เธอเข้าอบรมกับภาคประชาสังคมในต่างประเทศช่วงปลายปี 2559 เคยให้ข้อมูลกับประชาไทตอนนั้นด้วยว่า หลังจากเกิดกรณีจับกุม ไผ่ ดาวดิน เธอได้โพสต์สเตตัสในเฟสบุ๊คโดยมีใจความสำคัญคือ ข้อเสนอให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 และขอให้ยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ โดยหลังจากที่เธอโพสต์สเตตัสดังกล่าวได้มีทหารไปพบกับครอบครัวของเธอที่อยู่ในไทย โดยบอกกับครอบครัวของเธอว่า เธอมีโอกาสที่จะถูกกักตัวที่สนามบินเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทย หรืออาจจะถูกกักตัวในขณะที่เดินทางไปขึ้นศาลในคดีส่องโกงราชภักดิ์ ในวันที่ 23 ธ.ค. 2559 เนื่องจากโพสต์ดังกล่าวมีลักษณะที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ


สำหรับคดีของ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการการแชร์รายงานพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 จากเว็บไซต์ BBC Thai นั้น เขาถูกเพิกถอนสิทธิประกันตัว แม้จะยื่นเรื่องขอประกันตัวอีกนับสิบครั้ง แต่คำตอบที่ได้รับจากศาลคือ “ยังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” จนกระทั่ง จตุภัทร์ ตัดสินใจยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้แชร์โพสต์ดังกล่าว แต่ไม่ได้ยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำเป็นความผิด 15 ส.ค. 2560 ศาลจึงพิพากษาสั่งจำคุก จตุภัทร์ เป็นเวลา 5 ปี แต่ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน
...


Titatee Utayanugolsirikul ไปเถอะลูก อยู่ในที่ปลอดภัยดีกว่าติดคุกที่ถูกยัดเยียด

ที่มา ประชาไท


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น