ย้อนรอยคดีปริศนาที่เขาดยัตลอฟ เรื่องลึกลับของโลกที่ถูกรื้อคดีขึ้นมาสืบสวนใหม่ในปี 2019วันนี้เราจะพาไปย้อนรอยคดีการเสียชีวิตปริศนาที่เขาดยัตลอฟ นี่เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตสุดแปลกของนักสกีมีฝีมือ 9 คนของรัสเซีย ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ไปจนถึง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 1959
ไม่มีใครรู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นเขาดยัตลอฟในตอนที่กลุ่มนักเดินทางหายไป แต่หลังจากที่เหล่านักสกีไม่กลับมาในเวลาที่ควร ทีมค้นหาก็ตัดสินใจขึ้นไปบนเขาเพื่อตามหากลุ่มนักเดินทางกลุ่มนั้น
เมื่อทีมกู้ภัยพบบริเวณที่ตั้งแคมป์ของเหล่านักสกีทีมค้นหาก็พบว่าตัวเต็นท์อยู่ในสภาพที่ถูกกรีดเปิดจากภายในแต่กลับไม่มีของหายเลยสักชิ้น
ห่างออกไปในป่า จากจุดตั้งแคมป์ราวๆ 2 กิโลเมตรพวกเขาก็พบกับร่างของนักสกีห้าคน เสียชีวิตอยู่ในสภาพใส่แต่ชุดบางๆ ทั้งที่อุณหภูมิแถวๆ นั้นต่ำสุดได้ถึง -30 องศาเซลเซียส ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเกิดจากการรีบหนีออกมาจากเต็นท์
อย่างไรก็ตามปริศนาของคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการพบศพที่เหลืออยู่อีกสี่ศพต่างหาก เพราะร่างของสามในสี่ของนักสกีที่พบ “ถูกฝังไว้ใต้หิมะ” แถมยังเละเทะมากแตกต่างไปจากห้าคนแรกที่เสียชีวิตเพราะหนาวตาย
คนหนึ่งได้รับอาการบาดเจ็บที่กะโหลกศรีษะและอวัยวะภายในรุนแรงทั้งๆ ที่ไม่มีบาดแผลภายนอก หนึ่งคนมีแผลขนาดใหญ่ที่หน้าอกที่มีความรุนแรงเทียบได้กับการเผชิญเหตุการณ์อย่างอุบัติทางรถยนต์เลย และอีกหนึ่งคนหนึ่งส่วนของปาก ลิ้น ดวงตา และส่วนหนึ่งของสมองหายไป
สภาพการเสียชีวิตของพวกเขาเชื่อกันว่าเกิดขึ้นในเวลาที่ห่างกันพอสมควร เนื่องจากมีร่องรอยว่าพวกเขาเอาเสื้อผ้าของผู้ตายมาใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นในระหว่างที่เกิดเหตุด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีคนมากมายออกมาสันนิษฐานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่เหล่านักสกีหายไป ทั้งแนวคิดที่ว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยชนเผ่าในพื้นที่ ถูกสัตว์ป่าโจมตี โดยหิมะถล่มใส่ หรือแม้กระทั่งทฤษฎีที่ว่าพวกเขาโดนโจมตีด้วยอาวุธกัมมันตรังสี (เนื่องจากบนร่างกายของพวกเขามีสารกัมมันตรังสีตกค้างอยู่)
แต่ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีไหนก็ไม่มีใครอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์อยู่ดี แถมเรื่องราวยังซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อจู่ๆ ในปี 1959 นั่นเองรัฐบาลก็ปิดคดีนี้ลงอย่างลึกลับจนทำให้ทฤษฎีประหลาดๆ ยิ่งมีจำนวนเพิ่มยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
และกว่าที่รัฐบาลรัสเซียจะมีการประกาศรื้อคดีดังกล่าวกลับมาสืบสวนกัน มันก็เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมานี้เอง
ข่าวมอสโคนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น