วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

ตุลาการประสงค์หรือทหารชงประเคน ? ก็ต้องหาความจริงกัน..ใครรู้อะไรมา..มีหลักฐานก็เอามาเปิดเผยกัน...อิอิ

ประชาชน VS หมู่บ้านผู้พิพากษาป่าแหว่ง..ยิ่งขุดยิ่งน่ารู้..พร้อมกับคำถามใหม่ว่า....

ตุลาการประสงค์หรือทหารชงประเคน ? ก็ต้องหาความจริงกัน..ใครรู้อะไรมา..มีหลักฐานก็เอามาเปิดเผยกัน...
 11111.jpg]
ไม่ว่าทหารเสนอ หรือศาลชี้เอาเอง มันก็ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง ก็มันล้ำชาวบ้านไถขึ้นไปบนดอยเลยแนวเส้นการใช้ประโยชน์พื้นราบที่หน่วยอื่นรักษาแนวไว้ขึ้นไปเป็นพิเศษกว่าใครเขาน่าเกลียดเกินไป คนจึงต่อต้าน...
แบบยอมไม่ได้...ต้องรื้อถอนและคืนพื้นที่ป่าให้กับชุมชนสถานเดียว..
เออแล้วเรื่องที่ว่า...วันจันทร์ที่ 2 เม.ย.นี้ มีการเชิญตัวแทนประชาชนกลุ่มทวงคืนป่าดอยสุเทพไปคุยกับตัวแทนศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ค่ายกาวิละเวลา 13.30น.
คุณ Bunnaroth Buaklee ได้เขียนบอกอย่างนี้...(ขอขอบคุณสำหรับบทความครับ)
“ ก็งงๆ อยู่ ทหารจะเป็นคนกลางได้ไง เพราะทหารเองก็เข้าข่ายเป็นต้นเหตุของปัญหา ตัวแทนปชช.ควรเจรจาทหารให้ประกาศสัญญาประชาคม ไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ป่าเชิงดอย เป็นป่าแหว่ง 2 / ป่าแหว่ง 3 ในโอกาสนี้ด้วย
และถ้าต้องต่อรองกับศาล ผมจึงอยากจะ “เน้นย้ำ” ชี้ประเด็น ให้ตัวแทนจากศาล(ยุคนี้)ให้ท่านได้เห็น และพิจารณาว่ายุคก่อนหน้า เป็นเยี่ยงไร ประชาชนไม่ใช่ไม่เดียงสาอะไรเลยนะท่านนะ
ท่านถูกกฎหมายก็เหอะ แต่ชอบธรรม สมเหตุผล ไป-มาอย่างผ่าเผยหรือไม่ ลองตอบตัวเองดู 
ถึงแม้ตอนนี้ รายละเอียด เบื้องลึก เบื้องหลังของการได้ที่ดินน่ะ ยังไม่มีชาวบ้านรู้ แต่ในอนาคต ยังไงคนก็จะได้รู้ – เชื่อเหอะ
เรื่องมันปูดขนาดนี้แล้ว ลับต่อไม่ไหวแล้วล่ะครับ “
เอาเป็นว่า..พวกเราไปให้กำลังใจกับตัวแทนของเครือข่ายฯ ตามวันเวลาดังกล่าวก็แล้วกัน..ไปกันเยอะๆ เพราะมีคนเป็นห่วงว่ากลัวจะถูกอุ้มหายในค่ายฯ อีกอย่างเขาได้รับรู้ว่าพวกเรารักและหวงแหนผืนป่าของพวกเราขนาดไหน โดยพวกเราจะไปรวมตัวกันที่สวนหย่อมริมน้ำปิงหน้าค่าย...
แล้วเจอกัน..!
ป.ล. ผมได้นำบทความที่น่ารู้น่าอ่านมาลงประกอบเผยแพร่ในกระทู้นี้ด้วย
เชิญอ่านครับ :
บทความจากเฟสบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Bunnaroth Buaklee เป็นคำถามที่ตอนนี้คิดว่าหลายคนในประเทศไทยอยากได้คำตอบที่ชัดเจนจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ออกมาให้คำตอบที่ชัดเจน
โดยได้โพสไว้ว่า
“อันที่จริงตั้งใจจะเขียนประเด็นนี้หลังจากได้ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากการยื่นขอไป แต่ดูๆ แล้ว มันช้า คงไม่ทันสถานการณ์
ด้วยเพราะวันที่ 2 เม.ย.นี้ มีการเชิญตัวแทนประชาชนกลุ่มทวงคืนป่าดอยสุเทพไปคุยกับตัวแทนศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ค่ายกาวิละ
ก็งงๆ อยู่ ทหารจะเป็นคนกลางได้ไง เพราะทหารเองก็เข้าข่ายเป็นต้นเหตุของปัญหา ตัวแทนปชช.ควรเจรจาทหารให้ประกาศสัญญาประชาคม ไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ป่าเชิงดอย เป็นป่าแหว่ง 2 / ป่าแหว่ง 3 ในโอกาสนี้ด้วย
และถ้าต้องต่อรองกับศาล ผมจึงอยากจะ “เน้นย้ำ” ชี้ประเด็น ให้ตัวแทนจากศาล(ยุคนี้)ให้ท่านได้เห็น และพิจารณาว่ายุคก่อนหน้า เป็นเยี่ยงไร ประชาชนไม่ใช่ไม่เดียงสาอะไรเลยนะท่านนะ
ท่านถูกกฎหมายก็เหอะ แต่ชอบธรรม สมเหตุผล ไป-มาอย่างผ่าเผยหรือไม่ ลองตอบตัวเองดู
ถึงแม้ตอนนี้ รายละเอียด เบื้องลึก เบื้องหลังของการได้ที่ดินน่ะ ยังไม่มีชาวบ้านรู้ แต่ในอนาคต ยังไงคนก็จะได้รู้ – เชื่อเหอะ
เรื่องมันปูดขนาดนี้แล้ว ลับต่อไม่ไหวแล้วล่ะครับ
เคยย้ำมารอบหนึ่งแล้วว่า ปัญหานี้เป็นเรื่องที่คนในอดีตก่อไว้ เหตุใดผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ข้าราชการศาลยุคปัจจุบันจึงต้องมาแบกรับ แถมยังอาจจะก่อเป็นภาระของคนรุ่นหลังต่อไปอีก
ตามผมมาครับ….นี่เป็นเวอร์ชั่นเบต้า รอหนังสือทางการมา จะลงเลขหนังสือ วันที่ ตัวละคร ใครเซ็น ฯลฯ ให้ครบทีเดียวเชียว
 29683933_1835459076498826_39067579980198...68x495.jpg]
เราอ่านข่าว คงทราบกันแล้วว่า ที่ดินราชพัสดุโดยความดูแลของทหารนั้นเป็นที่ผืนใหญ่ มีความเป็นมาจาก นสล. ปี 2500 ซึ่งที่จริงต่อเนื่องมาตั้งแต่พรฎ.เขตหวงห้าม พ.ศ. 2483 ด้วยซ้ำ (แต่สื่อไม่เขียนถึง)
ที่ดินผืนนี้ประมาณ 23,000 ไร่ กินอาณาเขตจากบริเวณที่เป็นศูนย์ประชุมหนองฮ่อ ต่อกับดอยสุเทพ ส่วนทางขวาจรดถนนโชตนา ขึ้นเหนือยาวไปเกือบถึง อ. แม่ริม คนเชียงใหม่ทราบดีว่า ที่ดินฝั่งตะวันตกติดดอยของถ.โชตนาเป็นเขตทหาร
เขตทหารดังกล่าว มีเลขที่ราชพัสดุเป็นแปลงใหญ่แปลงเดียว จำเลขไว้นะครับ ที่ราชพัสดุ หมายเลข ชม.1723 แต่ละหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต ก็ใช้เลขนี้เหมือนกัน
ด้วยเหตุผลของความเจริญและการขยายของราชการ ต่อมา ก็ค่อยๆทยอยแบ่งซอย ที่ราชพัสดุแปลง 1723 ให้กับหน่วยงานต่างๆ เข้าใช้ประโยชน์มาตั้งแต่ราวปี 2536 เนื่องจากมีการย้ายศาลากลางเก่าจากกลางเวียง (สามกษัตริย์) มาอยู่ที่ปัจจุบัน จนละแวกนี้กลายเป็นศูนย์ราชการ เป็นสนาม 700 ปี เป็นที่ตั้งหน่วยโน่นนี่ ล้วนแต่อานิสงส์ที่ทหารแปลงใหญ่ผืนนี้
จากจุดนั้น มีการขอใช้ที่ราชพัสดุ 1723 ของทหารเรื่อยๆ ทีละ 10 ไร่ 15 ไร่ กรมทางหลวงก็ขอ, กรมสามัญศึกษาก็ขอ, ….
ทุกหน่วยงานที่ได้อนุญาต จะได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุ ระบุเลขทะเบียน ชม.1723(บางส่วน) ต้องมีวงเล็บแบบนี้ เหมือนๆ กัน
ต่างแค่ระวาง ผัง เนื้อที่ดิน บางหน่วยได้มาก บางหน่วยได้น้อย
 29594572_1835633196481414_25634385705786...68x399.jpg]
ตามที่เป็นข่าวว่า เมื่อปี 2540 ศาลยุติธรรมขอที่ดินทหารหลังหน่วยปืนใหญ่ 100 กว่าไร่นิดๆ แต่ไม่ได้
นั่นคือ การขอที่ดินทหารมาทำบ้านพักขรก.ตุลาการ รอบแรก
น่าจะคนละแปลงกับที่ปัจจุบัน อันนี้รอเอกสารยืนยันไม่รู้เขาจะให้ดูมั้ย
ถามว่าแปลกไหม ก็ไม่แปลกเพราะ ในห้วงเวลานั้นมีการขยับขยายหน่วยราชการออกมาทางแม่ริม และก่อนหน้า ก็มีหน่วย
ราชการที่ขอแบ่งที่ทหารมาทำสำนักงานก่อนหลายหน่วย เขาไม่ได้ขอหลัก 100 ไร่ เพื่อเป็นบ้านพักแบบที่ศาลท่านขอ
ประเด็นอยู่ที่ เมื่อราวปี 2548 ขณะนั้นรัฐบาลพลเรือนมีความเข้มแข็ง แถมสนิทกับผู้นำทหาร ส่วนปลัดกระทรวงยุติธรรมก็สนิทมากกับรัฐบาล
ไม่เอ่ยชื่อนะครับ ผมเกรงว่าจะมีคนโยงเป็นเรื่องกีฬาสี จะกลายเป็นค้านขึ้นมาเพื่อหาเรื่องโยงดิสเครดิตพรรคการเมืองซะอีก
ค้านเพื่อค้านครับ ไม่ใช่ค้านเพื่อโยง ขอยืนยันอีกที !
การอ้างถึง ก็เพื่อให้เห็นบริบท ให้เข้าใจว่าทำไมการขอ 2548 (รอบหลัง)ทหารถึงยอม
เพราะเรื่องนี้คาบเกี่ยวกับอำนาจ / สายสัมพันธ์ และ จริตราชการ
ใครคุมทหาร ใครเป็นปลัดยุติธรรม ใครรมช.คลังคุมธนารักษ์ ใครผู้ว่าฯ แล้วก่อนหน้านั้นเขามีนยบ.เรื่องที่ราชพัสดุอย่างไร เรื่องแบบนี้สามารถเข้าใจไม่ยาก 
 download-3.jpg]
ห้วงเวลานั้นที่ทหารและที่ราชพัสดุกำลังถูกเอ๊กซเรย์…. ราวปี 2545 รัฐบาลมีนโยบายเอาที่ราชพัสดุมาทำประโยชน์ ที่เชียงใหม่ก็สำรวจกันจ้าละหวั่น มีการเอาที่ราชพัสดุของทหารแจกให้ชาวบ้านทำกินที่ดอยหล่อหรืออะไรแถวๆ นั้น
ที่ทหารแปลงใหญ่ ชม.1723 จึงถูกกันซอยออก เป็นผืนใหญ่หลายแปลง ในครานั้นด้วย เชียงใหม่มีเมกะโปรเจ็กหลายโครงการ
ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ ทหารมีที่มากเกินไป บางแห่งไม่ได้ทำประโยชน์ ก็ควรให้หน่วยงานที่เขาต้องการ หรือแจกชาวบ้านทำกินก็ยังดี
อาจยกเว้นก็แต่พื้นที่ละเอียดอ่อน ที่ต้องอนุรักษ์ อย่างเช่นที่ป่าเชิงดอยสุเทพนั้นก็ควรเก็บไว้ หรือให้ทหารรักษาดูแลต่อไป เพราะที่ผ่านๆ มาเขาทำได้ดี
มันเคยเกิดมีปัญหาเพราะรัฐบาลอยากเอาที่ทหาร ตัดที่ดินจากหลังกองพันสัตว์ต่างเลาะดอยสุเทพ เป็นไฮเวย์ไปถึงแม่ริม / ตอนนั้นทหารคัดค้าน โดยเฉพาะรบพิเศษที่ 5 เพราะเขาใช้ที่ดอยฝึกลาดตระเวณ ทำกิจของเขาตลอด ถ้าตัดถนน หลังบ้านก็โล่ง ถนนอยู่สูงประชิด ค่ายทหารไม่เหลืออะไร เขาก็ค้าน ไม่อยากให้ทำ
เลยกลายเป็นที่ทหารแปลงเดียวที่รอดฝ่ายการเมืองในยุคนั้นมาได้ ก็คือแปลงด้านหลังค่าย ไม่ถูกตัดเอาไปเป็นถนน
 images-5.jpg]
แต่สำหรับที่ดินแปลงที่เป็นบ้านพักตุลาการ 147 ไร่นั้น ทหารต้องให้ !
นี่ล่ะ ที่อยากรู้จริงๆ ว่า การ “ต้องให้” ในขณะนั้น “ต้องให้”แบบไหน
ประเด็นที่อยากรู้อีกอย่างก็คือ … ฝ่ายไหนเสนอ ฝ่ายไหนสนอง
ทหารเสนอให้ เอาตรงนี้ 147 ไร่ งามๆ ลาดชัน ติดดอย สวยเหมาะแก่การเป็นบ้านพักอันสงบงาม
หรือว่า เป็นฝ่ายศาลที่ประสงค์ชี้เอาแปลงบนเนิน
เอกสารเบื้องต้นก็ชัดเจนว่า ท่านมีโครงการมั่นเหมาะก่อสร้างบ้านพัก !!
เลือกที่ ก็เพื่อทำบ้านพัก !!!
แล้วบ้านพักที่อยากได้น่ะ ควรอยู่พื้นราบ หรือเชิงเขา ดีกว่ากันล่ะ
ตุลาการประสงค์ ? ฤาออทหารชงให้ขอรับ ?
 29571373_1817026528349375_7672311550641918203_n.jpg]
นี่เป็นปมปริศนาทีเดียวเชียวครับ
นั่นเพราะว่า ในเวลานั้นคือราวปี 2548 ที่ราชพัสดุทหาร แปลง ชม.1723 ใกล้กับศูนย์ราชการและสนาม 700 ปี ก็ยังมีแปลงว่าง สวยๆ เหลืออยู่
อ้าว ! ที่ว่าง ราบๆ เหมาะ ๆ ไม่ต้องรุกไถป่าก็มีอยู่นะ ทำไมไม่เลือกเอา
เช่น ที่ดินซึ่งเป็นหมู่บ้านธนารักษ์ 276 ไร่ (ดูเลข 1 แดงๆ ในภาพประกอบนะครับ) แล้วก็อุทยานดาราศาสตร์ที่อยู่ติดกัน (เลข 2 สีเหลือง)
ทั้งสองโครงการที่ว่า เพิ่งจะเกิดมีโครงการขึ้นมาในยุคหลังนี่เอง
ต่างกันเพียง แปลง 1-2 ที่ว่า มันที่ราบน่ะ…ไม่สวย …ไม่สูงลดหลั่นไม่เห็นวิวจากบนไหล่เขา !!!
 29571186_1817026575016037_8405875345271704752_n.jpg]
ผมจึงสงสัย
ทำไมทหารไม่บอกว่าแปลงนี่้มันจะล้ำแนวคนอื่นขึ้นไปนะอย่าเอาเลยเอาแปลงที่ราบดีกว่ามีเยอะแยะหรือว่าทหารวางยา?
หรือว่าทหารมีแผนแยบยลอะไร?
เอ๊ะ หรือว่า ทหารเสนอแล้ว แต่ตัวแทนศาลไม่เอา จะเอาแปลงที่ต้องไต่ขึ้นไปบนดอย?
ซึ่งเป็นคำขอที่ปฏิเสธไม่ได้….???
อันนี้แค่ถามครับผมไม่รู้ครับรอเอกสารดูข้อมูลที่ขอไปในอนาคตก็คงรู้(มั้ง)
 29572492_1818847004833994_91576497950381204_n.jpg]
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทหารเสนอ หรือศาลชี้เอาเอง มันก็ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง ก็มันล้ำชาวบ้านไถขึ้นไปบนดอยเลยแนวเส้นการใช้ประโยชน์พื้นราบที่หน่วยอื่นรักษาแนวไว้ขึ้นไปเป็นพิเศษกว่าใครเขาน่าเกลียดเกินไป คนจึงต่อต้านกลายเป็นวิบากกรรมโยนแอกให้กับขรก. ผู้จะเข้าพักรุ่นหลังพลอยถูกด่าพ่วงด้วย
 29572805_1640392496056946_5447399571840651435_n.jpg]
สมมติถ้าทหารเสนอให้ฝ่ายศาลก็จะอ้างได้บอกว่า ก็สภาพพื้นที่มันบังคับให้ต้องสร้างแบบนี้ !!!!
แต่สมมติถ้าเป็นอีกแบบนึงล่ะนั่นก็แสดงว่าท่านเล็งและประสงค์ที่ดินแปลงงามอยากมีบ้านพักบนดอยที่สูงพิเศษกว่ากว่าใครอื่นมาตั้งแต่เริ่มแล้ว …(รึเปล่าครับ?)
คือถ้าเป็นประการหลังนี่ … เอิ่ม เอิ่มมมมมม ….ตัวแทนประชาชนที่ได้พบกับตัวแทนทหารและศาลที่ค่ายกาวิละลองถามรายละเอียดท่านๆ ดูก็ได้นะครับเผื่อมีใครรู้ว่าที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไรกันแน่
 29513210_1818847008167327_3674201253237895752_n.jpg]
นี่ไงครับความเป็นมาของที่ดินบ้านพักข้าราชการตุลาการน่ะมันไม่ได้ห้วนๆสั้นๆแบบว่าก็มันเป็นที่ราชพัสดุได้รับอนุญาตถูกกฎหมายไม่รุกป่า จบ!!!!ตามที่หลายคนเคยได้ฟังมาหรอกครับ
ปมที่ผมเกริ่นมานี่ เป็นแค่เวอร์ชั่นเบต้าว่างๆจะไปธนารักษ์ไปยื่นหนังสือขอดูประวัติและการขอใช้ที่ดิน แปลง ชม.1723 เพิ่ม
หรืออาจจะไปหาดาวเทียมปี48-49มายันกันจะๆ ว่ามีที่ทหาร ชม. 1723 ว่างเหมาะ ๆ ตรงไหนอีก
ว่าจะเขียนลงวิกิพีเดียยาวสัก10หน้า
อนึ่งทั้งหมดที่เขียนมายังเป็นกรอบเค้าโครงประเด็นตั้งต้นไม่ฟันธงยังไม่ได้พาดพิงกล่าวหาอะไรใครคนใดเลยนะครับรอได้ข้อมูลมาก่อน ยังไงขอท่านกรุณาเร่งมือหน่อยผมกำลังรอด้วยความหวังขอบคุณครับ
ป.ล. edit ภาพดาวเทียม 2548 เพิ่มเติม”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น