อดอร์ฟ ฮิตเลอร์
ต่อมาฮิตเลอร์ได้รับบ้านเป็นมรดกจากพ่อจึงย้ายไปอยู่เยอรมัน และถือโอกาสหนีทหารที่ออสเตรียไปด้วยในตัว ที่เยอรมัน ฮิตเลอร์เริ่มมีความคิดนิยมชาติเยอรมันขึ้น เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฮิตเลอร์ก็สมัครเข้าเป็นทหารเยอรมันในตำแหน่งพลล่อกระสุนซึ่งเป็นหน้าที่ที่ อันตรายมาก วีรกรรมของเขาทำให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญมากมาย แต่ก็ไม่ได้เลื่อนยศเลย เนื่องจากผู้บังคับบัญชาของเขามองว่า เขาไม่มีสัญชาติเยอรมัน ครั้งหนึ่งพลทหารฮิตเลอร์เข้าไปหลบในหลุมหลบภัย มีกระสุนปืนใหญ่ของอังกฤษตกเข้าไปในหลุม ทำให้คนในหลุมตายเกือบทั้งหมด แต่เขาโชคดีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด (แต่เป็นโชคร้ายของชาวโลก) และทำให้เขามีรอยแผลเป็นที่ใต้ดวงตาไปตลอดชีวิต
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ฮิตเลอร์เข้าร่วมลัทธิชาตินิยมเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่า ยิว คอมมิวนิสต์ และนักการเมือง เป็นต้นเหตุให้เยอรมันแพ้สงคราม แต่กลับร่วมอาหารค่ำกับชาวยิวอยู่เสมอเพื่อพยายามขายภาพเขียนของเขา ต่อมา เขาได้เข้าร่วมพรรคการเมืองเล็กๆ พรรคหนึ่งชื่อ DAP ในมิวนิค ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมที่ต่อต้านยิว คอมมิวนิสต์ และทุนนิยม ที่นี่เขาได้มีโอกาสแสดงพรสวรรค์ในการปราศรัยของเขาออกมาจนได้รับตำแหน่งที่ สำคัญในพรรค ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคนหนึ่งได้สอนให้ฮิตเลอร์รู้จักการแต่งตัวและวางมาดต่อ หน้าผู้ชน ต่อมาพรรคก็ได้รับความนิยมมากขึ้น และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พรรคนาซี ฮิตเลอร์ลาออกจากราชการทหารแล้วหันมาเป็นสมาชิกพรรคเต็มตัว เขาได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวหลักในการปราศรัยให้กับพรรคในโอกาสสำคัญ ต่างๆ
ช่วงหนึ่งฮิตเลอร์ต้องย้ายไปอยู่เบอร์ลินเพื่อช่วยปราศรัยทำให้เขาห่าง จากการบริหารพรรคไปและทำให้คนกลุ่มใหม่เข้ามามีอำนาจในพรรคมากขึ้นแทนซึ่ง เป็นพวกที่ฮิตเลอร์มองว่าหยิ่งยโส ฮิตเลอร์กลับมามิวนิคเพื่อต่อรองด้วยการขอลาออกจากพรรค ทุกคนในพรรครู้ดีว่าถ้าขาดมือปราศรัยอย่างฮิตเลอร์ไป พรรคนี้ก็ไม่เหลืออะไรเลย ฮิตเลอร์ต่อรองว่าถ้าจะให้กลับมาจะต้องให้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับตน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจมากและร่อนใบปลิวโจมตีฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์ตอบโต้ด้วยการฟ้องหมิ่นประมาทและชนะคดี ทำให้เขาได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ฮิตเลอร์กลับสู่พรรคนาซีอีกครั้งในฐานะหัวหน้าพรรคด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย เขาได้ใจมากและคิดแผนจะทำรัฐประหาร โดยได้รับการหนุนหลังแบบลับๆ จากนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลด้วย เขาปลุกระดมมวลชนให้เดินขบวนเข้าไปยึดที่ทำการรัฐบาลซึ่งลอกเลียนวิธีการมา จากมุสโสลินี แต่การรัฐประหารครั้งนั้นล้มเหลว ฮิตเลอร์หนีไปและพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกจับขึ้นศาล ในช่วงที่ต่อสู้คดีนั้น เขามีโอกาสได้ปราศรัยหลายครั้งว่าเขาถูกรังแกและทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงใน ระดับประเทศและเริ่มได้คะแนนสงสารจากประชาชนไปไม่น้อย ศาลตัดสินให้ฮิตเลอร์ ถูกจำคุก 5 ปี
เมื่อพ้นโทษ ฮิตเลอร์ถูกศาลสั่งห้ามปราศรัย แต่เขาก็ยังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างอื่นต่อไป เขาสร้างความเป็นปึกแผ่นในพรรคขึ้นมาใหม่ด้วยการค่อยๆ กำจัดศัตรูออกไปทีละคน เขาชูนโยบายใหม่ให้คนเยอรมันหันมาเกลียดชังคนยิว แต่นโยบายนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะชาวเยอรมันฟังแล้วไม่ชอบและทำให้พรรคนาซีได้รับเลือกตั้งน้อยมาก
แต่แล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 1929 คนเยอรมันลำบากมาก ฮิตเลอร์เปลี่ยนไปชูนโยบายใหม่ให้คนเยอรมันลุกฮือขึ้นขัดขืนสนธิสัญญา แวร์ซายน์ที่บังคับให้เยอรมันจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้ประเทศที่ชนะสงคราม ซึ่งเป็นสัญญาที่ทำให้คนเยอรมันต้องมีชีวิตที่ยากลำบากมาก ครั้งนี้นโยบายใหม่ได้ผลอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความสามารถเฉพาะตัวที่หาตัวจับยากของฮิตเลอร์ในการจูงใจฝูงชน ทำให้ชาวเยอรมันเริ่มคล้อยตาม ฮิตเลอร์ใช้วิธีพูดให้คนเยอรมันคลั่งชาติด้วยการบอกว่าเยอรมันคือชาติที่ ยิ่งใหญ่ที่สุด และพยายามพูดเชื่อมโยงให้คนเยอรมันรังเกียจยิว และคอมมิวนิสต์ โดยกล่าวหาว่าเป็นศัตรูของความยิ่งใหญ่ของชาติเยอรมัน ชาวเยอรมันเริ่มเกิดความรู้สึกชาตินิยมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และทำให้พรรคนาซีได้ที่นั่งในสภามากขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงนั้น ความนิยมของพรรคอันดับหนึ่งเริ่มเสื่อมเพราะปัญหาเศรษฐกิจจนต้องจัดตั้ง รัฐบาลผสม แต่ก็ไม่อาจคุมพรรคร่วมรัฐบาลให้อยู่ในแถวได้ จนนายกรัฐมนตรีต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คนเยอรมันเริ่มเบื่อหน่ายกับระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา และเริ่มมองว่า รัฐบาลที่มีลักษณะเผด็จการอย่างนาซีน่าจะเหมาะกับประเทศมากกว่า พรรคนาซีจึงยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก จนกระทั้งได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นจากพรรคอันดับหกกลายเป็นพรรคอันดับ สอง พรรคการเมืองอันดับหนึ่งพยายามหยุดความสำเร็จของพรรคนาซีด้วยการฟ้องศาล ว่า พรรคนาซีมีที่มาที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ในช่วงนั้นฮิตเลอร์ปราศรัยตอบโต้หลาย ครั้งและได้ใจจาก ฝ่ายทหาร ชาวนา และชนชั้นกลาง ซึ่งกำลังลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ในการเลือกตั้งครั้งถัดมา พรรคนาซีได้เสียงมากอย่างถล่มทลาย จนพรรคอันดับหนึ่งรู้ดีว่า ไม่มีทางจัดตั้งรัฐบาลได้ถ้าพรรคนาซีไม่ร่วมรัฐบาลด้วย จึงเสนอให้ฮิตเลอร์เป็นรองนายกฯ แต่ฮิตเลอร์ยื่นคำขาดว่าขอเป็นนายกเท่านั้น รัฐบาลจึงไม่สามารถจัดตั้งได้สักที มีการย้ายขั้วกลับไปกลับมาระหว่างพรรคต่างๆ หลายครั้งจนในที่สุดพรรคอันดับหนึ่งก็ต้องยอมรับข้อเสนอของฮิตเลอร์โดยจัด ตั้งรัฐบาลผสมที่มีฮิตเลอร์เป็นนายกขึ้น
เมื่อฮิตเลอร์ได้เป็นนายกแล้ว ฮิตเลอร์ก็ต้องการจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ จึงใช้อำนาจรัฐทุกวิถีทาง ในการกำจัดพรรคการเมืองอื่นๆ ฮิตเลอร์วางกติกาใหม่เพื่อให้พรรคการเมืองอื่นขาดคุณสมบัติไปเรื่อยๆ ฮิตเลอร์วางแผนเผารัฐสภาแล้วอ้างว่า พวกพรรคคอมมิวนิสต์เป็นคนทำ ประชาชนจึงสนับสนุนให้รัฐบาลเข้าปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้พรรคนาซี สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองสำเร็จโดยมีพรรคชาตินิยมอื่นๆ เป็นพรรคร่วม สภาแต่งตั้งให้ฮิตเลอร์เป็นผู้นำเด็ดขาดของประเทศ หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ก็ประกาศเพิกถอนสิทธิส่วนบุคคลที่รัฐให้ไว้แก่ชาวเยอรมันและประกาศ ให้ยุบพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมดเหลือไว้แต่พรรคนาซีพรรคเดียวเพื่อให้ชาติเยอรมันเป็นหนึ่ง เดียว เมื่อฮิตเลอร์ครอบครองเบ็ดเสร็จในเยอรมันไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ฮิตเลอร์ก็เดินหน้าล้างสมองให้คนเยอรมันคลั่งชาติ ในที่สุดชาวเยอรมันก็สนับสนุนให้ฮิตเลอร์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวและโจมตี ยุโรปเพื่อความยิ่งใหญ่ของชาติเยอรมัน และกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สองในที่สุด
suriya mardeegun
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น