บุคคลสำคัญของโลก People of the world
บุคคลสำคัญของโลก หญิง
อินทิรา คานธี - สตรีเหล็กแห่งอินเดีย
นาง
อินทิรา คานธี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีอินเดียที่ดำรงตำแหน่งถึง 3
วาระติดต่อกัน และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประเทศอินเดีย
เป็นบุตรสาวของนายชวาหระลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย
นางอินทิรามีบุตรชายสองคน คือ ราชีพ คานธีและสัญชัย คานธี
โดยบุตรทั้งสองต่างดำเนินกิจกรรมทางการเมืองสืบต่อจากมารดา
อินทิรา ปกครองอินเดียได้นานถึง 16 ปี และแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2527 หลังจากถูกองครักษ์ของเธอเองลอบสังหาร สาเหตุเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวซิกข์ ซึ่งเรียกได้ว่าการเสียชีวิตของนางอินทิรา คานธีเป็นข่าวสะเทือนไปทั่วโลก
ปัจจุบัน สำหรับชาวอินเดียส่วนใหญ่ นางอินทิรายังคงเป็นบุคคลสำคัญที่มีแนวคิดก้าวหน้าและมีอุดมการณ์ ขณะที่บ้านพักของเธอในกรุงเดลี ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นอนุสรณ์สถานที่สามารถเรียกผู้เข้าชมได้มากถึงวัน ละ 1 หมื่นคน โดยภายในบ้านพัก ห้องแต่ละห้องก็จะเต็มไปด้วยภาพถ่าย และรางวัลมากมาย รวมทั้งผ้าส่าหรีเปื้อนเลือดที่เธอใช้สวมใส่ในวันที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วย
ออง ซาน ซูจี - สตรีผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งพม่า
อินทิรา ปกครองอินเดียได้นานถึง 16 ปี และแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2527 หลังจากถูกองครักษ์ของเธอเองลอบสังหาร สาเหตุเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวซิกข์ ซึ่งเรียกได้ว่าการเสียชีวิตของนางอินทิรา คานธีเป็นข่าวสะเทือนไปทั่วโลก
ปัจจุบัน สำหรับชาวอินเดียส่วนใหญ่ นางอินทิรายังคงเป็นบุคคลสำคัญที่มีแนวคิดก้าวหน้าและมีอุดมการณ์ ขณะที่บ้านพักของเธอในกรุงเดลี ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นอนุสรณ์สถานที่สามารถเรียกผู้เข้าชมได้มากถึงวัน ละ 1 หมื่นคน โดยภายในบ้านพัก ห้องแต่ละห้องก็จะเต็มไปด้วยภาพถ่าย และรางวัลมากมาย รวมทั้งผ้าส่าหรีเปื้อนเลือดที่เธอใช้สวมใส่ในวันที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วย
ออง ซาน ซูจี - สตรีผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งพม่า
ออ
งซาน ซูจี ผู้เป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของพม่า
เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มต่อต้านผู้นำทหารที่ถือครองอำนาจในพม่า
ชีวิตทั้งชีวิตของเธออุทิศให้กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยใน
ประเทศพม่าของเธอ หลังจากชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1990
และได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีถัดมา
เธอถูกกักขังอยู่แต่ในบ้านก่อนหน้าการเลือกตั้ง
เธอถูกคุมตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลาเกือบ 15 จาก 21 ปี ตั้งแต่วันที่ 20
กรกฎาคม พ.ศ. 2532 กระทั่งการปล่อยตัวเธอครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13
พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 แต่เธอก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะต่อสู้
นอก
จากเธอจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพใน พ.ศ. 2534 ใน พ.ศ. 2550
ทางรัฐบาลแคนาดายังประกาศให้เธอเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของประเทศ
ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าบุคคลที่เคยได้รับเกียรตินี้
โอปราห์ วินฟรีย์ - สตรีผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการสื่อที่สุดคนหนึ่งของโลก
โอปราห์ วินฟรีย์ - สตรีผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการสื่อที่สุดคนหนึ่งของโลก
เมื่อ
เอ่ยชื่อ โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) คงไม่มีใครไม่รู้จัก
เธอมีมีชื่อจริงว่า โอปราห์ เกล วินฟรีย์ (Oprah Gail Winfrey)
เป็นพิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ รายการ The Oprah Winfrey Show
ทอล์คโชว์ที่มีเรทติ้งการชมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์
และยังเป็นผู้หญิงชาวแอฟริกัน อเมริกันที่รวยที่สุดในศตวรรษที่ 20
เป็น
ผู้หญิงที่มีอาชีพทางด้านสื่อมานานเกือบ 30 ปี
และยังคงเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก
เธอได้รับการจัดอันดับให้เป็นคนผิวดำที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก
อีกทั้งยังเป็นหญิงผิวดำที่ใจบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ของอเมริกา เธอไม่เพียงเป็นนักจัดรายการ เจ้าแม่วงการสื่อเท่านั้น
เธอเป็นนักแสดง ผู้อำนวยการสร้าง
โฆษกเป็นเจ้าของหนังสือนิตยสาสน์อีกหลายเล่มด้วยกัน เป็นนักจัดรายการวิทยุ
เธอเป็นนักบุญผู้หาทุนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้อยู่เสมอ
และนอกจากนี้เธอก็ยังได้รับการลงคะแนนเสียงเป็นผู้หญิงคนที่มีประสิทธิภาพ
มากที่สุดในโลก
เลดี้ กาก้า - สตรีผู้โดดเด่น ปลุกความมั่นใจให้กับคนทั้งโลก
เลดี้ กาก้า - สตรีผู้โดดเด่น ปลุกความมั่นใจให้กับคนทั้งโลก
'กา
ก้า' มีภาพลักษณ์ต่อสังคมที่ทำให้เธอดูโดดเด่นไปจากศิลปินอื่นโดยสิ้นเชิง
แม้กระทั่งนักวิจารณ์ด้านแฟชั่นบางคนอย่างยกให้กาก้าเป็นเจ้าแม่แห่งวงการ
แฟชั่น และให้การแต่งตัวของเธอเป็นแรงบันดานใจทุกครั้ง
ตั้งแต่กาก้าเข้าวงการปี 2008 เธอก็สร้างเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมาแล้ว
โดยในสมัยยุคเดอะเฟม กาก้าก็ก็ภาพลักษณ์ในแบบของตนเอง
จนสมัยยุคเดอะเฟมมอนสเตอร์ กาก้ามีลุคที่ประหลาดมากขึ้น การแต่งตัว สีผม
การใส่รองเท้ารูปทรงประหลาด โดยเฉพาะในงาน MTV Vma 2010
กาก้าปรากฏกายในชุดเนื้อสด ที่สร้างความประหลาดใจไปทั่วโลก
,k57'ยุค
บอร์นดิสเวย์ กาก้าเริ่มเปลี่ยนลุค ในแบบของเธอ
โดยแฟชั่นแบบซีลีโคนโหนกที่แหลมออกมาจากใบหน้า และไหล่ ที่ดูเหมือนเอเลี่ยน
(ซึ่งเธอมีจุดประสงค์ให้มองในแง่นั้นเพื่อโปรโมทเพลงบอร์นดิสเวย์)
การเปลี่ยนสีผม จนยุคล่าสุด อาร์ตป็อป กาก้าเริ่มเปลี่ยนลุคไป เช่น
ทำทรงผมให้ฟูเหมือนสิงโต (เธอสื่อถึงวีนัส) ใส่บีกีนี่เปลือกหอย
การเปลี่ยนสีผมเป็นสีดำ
ซึ่ง
ไม่อาจแปลกใจที่กาก้าจะมีแฟนเพลงมากอันดับหนึ่งของโลก
และนิตยสารหลายฉบับยกให้กาก้าเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อโลก
โดยกาก้ามีแฟนคลับจำนวนมาก เธอจึงเรียกแฟนเพลงของเธอว่า
"ลิตเติ้ลมอนสเตอร์" (Little Monster) โดยแฟนคลับเธอจะเรียนตัวเธอเองว่า
"Mother Monster" หรือในชื่อที่เรียกต่างๆมากมายเช่น Mama Monster,
มอนสเตอร์ ตัวแม่, เจ้าแม่แฟชั่น ซึ่งมันทำให้กาก้ามี
เอกลักษณ์ในวงการที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้กาก้าและแม่ของเธอยังได้จัดตั้งมูลนิธิบอร์นดิสเวย์ขึ้น เพื่อเรียกร้องสิทธิเด็กและเพศที่สาม
ทาวี เกวินสัน- บล็อกเกอร์แฟชั่น สาวน้อยผู้มีอิทธิพลต่อความคิดวัยรุ่นทั่วโลก
ทาวี เกวินสัน- บล็อกเกอร์แฟชั่น สาวน้อยผู้มีอิทธิพลต่อความคิดวัยรุ่นทั่วโลก
ทาวี เกวินสันสาวน้อยคนนี้เป็นเจ้าของบล็อก สไตล์รู้กกี้ (http://tavi-thenewgirlintown.blogspot.com)
วัย 16 ที่มีแฟนๆ เข้ามาติดตามอัพเดตในเรื่องแฟชั่นต่างๆของเธอ
และที่โดดเด่นสำหรับบล็อกของเธอนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องคำวิจารณ์ที่ดุเด็ด
เผ็ดมัน เพราะเธอกล้าเขียนคำวิจารณ์แบรนด์ดัง ๆ แบบไม่แคร์ใคร
ตรงไปตรงมาจนทำให้มืออาชีพในวงการแฟชั่นหลายๆคนต้องยอมฟังเสียงของสาวน้อยคน
นี้
ทั้ง
นี้เธอยังได้รับเชิญให้ร่วมออกแบบสินค้าให้กับ Target
ห้างค้าปลีกระดับยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
และเธอยังโด่งดังถึงขั้นขึ้นปกนิตยสาร Pop
ทั้งยังไปแขกรับเชิญนั่งแถวหน้าสุดร่วมกับเหล่าดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกตาม
งานแฟชั่นโชว์หลายแห่งทั่วโลกอย่างเวที New York Fashion Week
นอกจากนี้แล้วความเห็นด้านแฟชั่นของสาวน้อยนี้ไปปรากฏในนิตยสาร Harper's
Bazaar ด้วย ตั้งแต่วัยเพียง 13 ปีเท่านั้น
เรียกได้ว่าสาวน้อยผู้นี้เป็นไอดอลให้วัยรุ่นหลายๆคนได้เป็นอย่างดี
มาลาลา ยูซาฟไซ - เด็กหญิงวัย 16 นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและเด็ก
มาลาลา ยูซาฟไซ - เด็กหญิงวัย 16 นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและเด็ก
ยู
ซาฟไซเป็นเด็กนักเรียนจากเมืองมินโกราในเขตสวัด ประเทศปากีสถาน
เธอเป็นที่รู้จักในการศึกษาและการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิสตรีของเธอในหุบ
เขาสวัด ซึ่งตาลีบันบางครั้งห้ามเด็กหญิงมิให้เข้าศึกษาในโรงเรียนต้นปี
2552 ขณะอายุได้ 11 ปี
ยูซาฟไซกลายมาเป็นที่รู้จักผ่านบล็อกที่เธอเขียนให้แก่บีบีซีโดยรายละเอียด
กล่าวถึงชีวิตของเธอภายใต้ระบอบตาลีบัน
ความพยายามของตาลีบันในการเข้าควบคุมหุบเขา
และมุมมองของเธอต่อการสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กหญิงฤดูร้อนปีต่อมา
นอก
จากนี้ยังมีการถ่ายทำสารคดีของนิวยอร์กไทมส์เกี่ยวกับชีวิตของเธอขณะที่กอง
ทัพปากีสถานเข้าแทรกแซงในภูมิภาค ยูซาฟไซเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ให้สัมภาษณ์ในสื่อสิ่งพิมพ์และทางโทรทัศน์และรับตำแหน่งประธานสภาเด็กเขต
สวัด
นับ
แต่นั้น
เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสันติภาพเด็กระหว่างประเทศโดยเดสมอนด์ ตูตู
และได้รับรางวัลสันติภาพเยาวชนแห่งชาติเป็นคนแรกของปากีสถาน
และผลจากการออกมาเคลื่อนไหวของเธอ
ทำให้เธอเป็นที่รู้จักจากคนทั่วโลกในฐานะผู้เคลื่อนไหวสิทธิสตรีและเด็ก
ซึ่งนอกจากจะทำให้กองกำลังปากีสถานขับกลุ่มตาลีบันออกจากหุบเขาสวัด ในปี
2009 ได้แล้ว ยังทำให้ในปีนี้ มาลาลา ยูซาฟไซ รับรางวัลซาคารอฟ
ด้านสิทธิมนุษยชน ปี 2013 นอกจากนี้นิตยสาร TIME
ยกให้เป็นบุคคลแห่งปีอันดับสองในฐานะสัญลักษณ์นักต่อสู้ของคนทั่วโลกอีกด้วย
บุคคลสำคัญของโลก ชาย
เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela)
อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของประเทศแอฟริกาใต้ ผู้นำต่อต้านการเหยียดสีผิว โดยวันที่ 18 ของเดือนกรกฎาคมของทุกปี ชาวแอฟริกาจะออกมาร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือทำความดี เพื่อเป็นเกียรติกับเนลสัน แมนเดลา ผู้ที่อุทิศตนเพื่อความสุขของชาวแอฟริกามาโดยตลอด ซึ่งเขาไม่เพียงแต่เป็นวีรบุรุษในใจของชาวแอฟริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกอีกด้วย
อัลเฟรด โนเบล (Alfred Nobel)
นักเคมีชาวสวีเดน ผู้ผลิตและคิดค้นระเบิดไดนาไมท์ขึ้นมา ซึ่งแม้ผลงานของเขาจะนำชื่อเสียงและเงินทองมาสู่ชีวิตของเขาอย่างมากมาย แต่สิ่งที่เขาได้มานั้นต้องแลกกับชีวิตของผู้คนนับพัน และเหตุนี้เองที่ทำให้อัลเฟรด โนเบลตัดสินใจตั้งรางวัลโนเบลขึ้นมาในปี ค.ศ. 1895 เพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลที่ทำผลงานสร้างสรรค์ให้กับโลก โดยแบ่งออกตามสาขาต่าง ๆ ดังนี้ สาขาฟิสิกส์ สาขาเคมี สาขาการแพทย์ สาขาวรรณคดี และด้านสันติภาพ
ซอร์ ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี (Sir Tim Berners-Lee)
นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่ค้นพบการติดต่อสื่อสารและแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านโลกไซเบอร์ โดยระบบ Hyper Text Transfer Protocol หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า"HTTP" และเขานี่แหละที่เป็นผู้เปิดประตูให้คนทั่วโลกได้ทำความรู้จักกับโลกไซเบอร์มาจนถึงทุกวันนี้
มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi)
ผู้นำชาวอินเดียสู่อิสรภาพ หลังจากที่ประเทศอินเดียต้องอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมานานถึง 70 ปี เขายังเป็นผู้นำอิสรภาพสู่ชาวอินเดียโดยการยกเลิกระบบชนชั้นวรรณะในประเทศ อินเดีย และก็ยังเป็นผู้มอบอิสรภาพในการนับถือศาสนาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ชื่อของมหาตมะ คานธีได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ และความสงบสุขของคนทั้งโลก
มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev)
อดีตประะธานาธิบดีของสหภาพโซเวียต และยังเป็นผู้นำคนสุดท้ายที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ เพราะหลังจากที่เขาทำการปฏิรูปการปกครองก็ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายลง แต่วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้ฝากไว้ก็คือ การรวมชาติเยอรมนีเข้าด้วยกัน และเป็นหนึ่งในผู้ยุติสงครามเย็น ซึ่งทำให้โลกกลับมาสงบสุขขึ้นอีกครั้ง และจากสองเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี ค.ศ. 1990
เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley)
นักดนตรีและนักแสดงชาวอเมริกัน หรือที่เรารู้จักกันในฉายา "ราชาแห่งร็อคแอนด์โรล" เพราะไม่ว่าจะเป็นการเต้นหรือการร้องเพลง เขาก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้งกินใจ และยังเป็นสัญลักษณ์ของวงการดนตรีในยุคนั้นอีกด้วย
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง (Martin Luther King)
นักบุญชาวอเมริกา ผู้เดินตามรอยมหาตมะ คานธี เขาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน เพื่อร่วมต่อต้านการเหยียดสีผิวในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในปี 1964 เขาได้รับรางวัลโนเบล ในสาขาสันติภาพ เพื่อเป็นรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับสิ่งที่เขาได้ทำเพื่อประชาชน และเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของเขา ทางการสหรัฐฯ จึงได้จัดตั้งให้มีวัน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา
วิลเลียม เช็กสเปียร์ (William Shakespeare)
นักประพันธ์ชื่อก้องโลกชาวอังกฤษ ผู้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านงานเขียนได้สละสลวย อย่างไม่มีที่ติ โดยเขาสามารถเปลี่ยนโลกให้มองเห็นถึงความสวยงามของชีวิตได้ด้วยมหากาพย์ที่ สะท้อนถึงตัวตนของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยกิเลส ความรัก ความหลงใหล และการทรยศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ยังคงเป็นคติสอนใจมาจวบจนถึงปัจจุบัน และเขาก็ยังแสดงให้เห็นว่าศิลปะนั้นไม่ใช่แค่การวาดรูปเท่านั้น แต่ศิลปะยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็นตัวอักษรได้อีกด้วย
โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ (Oliver Cromwell)
อดีตแม่ทัพฝ่ายรัฐสภาที่ได้รับชัยชนะเหนือกองทัพของพระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 1 ในเหตุการณ์สงครามกลางเมืองของอังกฤษ และหลังจากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการปกครองของอังกฤษเป็นแบบสาธารณรัฐ ถึงแม้เขาจะปกครองประเทศอังกฤษเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่แนวคิดของเขากลับเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองระบอบประชาธิปไตยในเวลาต่อ มา
บุคคลสำคัญของโลก นักวิทยาศาสตร์
เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)
แน่นอนว่าในบรรดานักวิทยาศาสตร์เก่ง ๆ จะขาดนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษอย่าง เซอร์ไอแซก นิวตัน ไม่ได้เด็ดขาด โดย เซอร์ไอแซก นิวตัน เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) และเสียชีวิตลงขณะอายุ 46 ปี ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1727 หรือ พ.ศ. 2270 (ตามปฏิทินจูเลี่ยนของ จูเลียส ซีซาร์) ซึ่งเขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งรอบด้านทั้งในฐานะนักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักปรัชญา นักเล่นแร่แปรธาตุ และนักเทววิทยา โดยผลงานเด่นที่สุดของเขาที่คนรู้จักกันดีที่สุดก็คือ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและกฎแรงโน้มถ่วงสากล ที่เขาคิดขึ้นมาได้จากการสังเกตผลแอปเปิ้ลที่ตกจากต้นนั่นเอง
หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur)
หลุยส์ ปาสเตอร์ เป็นนักเคมีและนักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1822 (พ.ศ. 2365) และเสียชีวิตลงในวัย 72 ปี เมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1895 (พ.ศ. 2438) ซึ่งเขาคนนี้ถือว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยชีวิตผู้คนมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นผู้คิดค้นวิธีรักษาโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคพิษสุนัขบ้าและโรคแอนแทร็คซ์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น จากการคิดค้นวิธีพาสเจอร์ไรซ์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและถนอมอาหารให้เก็บได้นานขึ้นอีกด้วย
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
นักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของฉายา "บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่" คน นี้ เกิดที่ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 (พ.ศ. 2107) และมีชีวิตอยู่จนอายุ 77 ปี จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) โดยเขาเป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์ยุคก่อน อย่างสิ้นเชิง ด้วยการยึดมั่นในทฤษฎีของตัวเองว่าดาวเคราะห์เป็นฝ่ายหมุนรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งขัดกับความเชื่อของชาวคริสต์ในสมัยก่อนที่สนับสนุนทฤษฎีของอริสโตเติล ที่เชื่อว่าพระอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นฝ่ายหมุนรอบโลก จนทำให้เขาถูกห้ามไม่ให้สอนนักเรียนของเขาเกี่ยวกับทฤษฎีนี้อีก มิฉะนั้นจะถูกจับเผาทั้งเป็น เขาจึงได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและ พิสูจน์ว่าทฤษฎีของเขาเป็นความจริงในที่สุด
มารี กูรี (Marie Curie)
มารี กูรี เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 (พ.ศ. 2410) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1934 (พ.ศ. 2477) ในวัย 66 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่งแห่งยุคคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะในขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคสมัยของเธอไม่ได้รับการศึกษาหรือโอกาส เท่าเทียมกับผู้ชายนัก เธอกลับมุ่งมั่นศึกษาค้นคว้าจนกระทั่งค้นพบรังสีเรเดียมที่สามารถยับยั้งการ ขยายตัวของโรคมะเร็งได้ในที่สุด จนเป็นผลให้เธอได้รับรางวัลโนเบล ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากความเฉลียวฉลาดของเธอแล้ว การอุทิศตัวให้สังคมของเธอก็ยังทำให้หลาย ๆ คนประทับใจอีกด้วย เพราะเธอเลือกที่จะไม่จดสิทธิบัตรสิ่งที่เธอค้นพบซึ่งจะทำให้เธอกลายเป็น เศรษฐีได้สบาย ๆ แต่กลับเลือกอุทิศตัวเพื่อส่วนรวมและค้นคว้าต่อไปจนกระทั่งเสียชีวิตจากการ ใกล้ชิดรังสีเรเดียมมากเกินไปในที่สุด
อัลเบิร์ต ไอสไตน์ (Albert Einstein)
คงไม่มีใครไม่รู้จักนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวซึ่งเกิดเมื่อวัน ที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1879 (พ.ศ. 2422) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) ในขณะที่มีอายุ 77 ปี คนนี้ ซึ่งถึงแม้เขาจะเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันอย่างแพร่ หลายในปัจจุบัน แต่ที่จริงแล้วเขาเคยเป็นเด็กที่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้มาก่อน โดยเขาไม่สามารถพูดได้จนกระทั่งอายุ 3 ขวบ และอ่านหนังสือออกเมื่อ 8 ขวบ จนไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จได้มาก ขนาดที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ รวมถึงสร้างทฤษฎีใหม่ ๆ มากมาย โดยเฉพาะผลงานเด่นเช่นทฤษฎีทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่อธิบายว่าเราทุกคนจะมอง เห็นอัตราความเร็วแสงได้ในระยะเท่ากัน และทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปซึ่งเป็นทฤษฎีที่อธิบายกฎแรงโน้มถ่วงในเชิง เรขาคณิต ซึ่งทำให้นักวิชาการหลายคนจับตามองจนได้รับรางวัลโนเบลในที่สุด
ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Robert Darwin)
ชาลส์ ดาร์วิน เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 (พ.ศ. 2352) และเสียชีวิตลงในวัย 73 ปี ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1882 (พ.ศ. 2425) ซึ่งจนกระทั่งยุคปัจจุบัน ทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติคนนี้คิดค้นขึ้นก็งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะมีทั้งคนที่ยอมรับและโต้แย้งในเวลาเดียวกัน โดยดาร์วินได้เขียนนังสือเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งอ้างว่าสัตว์ทั้งหลายจะปรับสภาพร่างกายเพื่อให้เข้ากับการใช้ชีวิตและ สภาพแวดล้อมทำให้มีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นวิวัฒนาการ ซึ่งแม้ในปัจจุบันเขาจะได้รับยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังมีผู้ที่ปฏิเสธแนวคิดของเขาเช่นกัน
โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)
เชื่อเถอะว่าในบ้านของเราต้องมีสิ่งประดิษฐ์ของ โทมัส อัลวา เอดิสัน กันทุกคนแน่นอน เพราะนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1847 (พ.ศ. 2390) และเสียชีวิตในวัย 84 ปี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1931 (พ.ศ. 2474) คน นี้ เป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันกว่า 1,000 ชิ้น โดยเฉพาะการคิดค้นหลอดไฟที่เป็นผลงานชิ้นเอกแม้ ว่าเขาจะมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ทำให้อ่านหนังสือไม่ออกจนกระทั่งอายุ 12 ปี และบกพร่องเรื่องการฟังหลังประสบอุบัติเหตุบนรถไฟก็ตาม
นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)
นิโคลา เทสลา เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวโครเอเชียสัญชาติอเมริกัน ที่เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมค.ศ. 1856 (พ.ศ. 2399) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1943 (พ.ศ. 2486) ในขณะที่มีอายุ 86 ปี โดยมีฉายาว่า "นักประดิษฐ์ที่โลกลืม" เพราะ เป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญแต่กลับมีน้อยคนที่รู้จัก หรือถูกรู้จักในฐานะนักวิทยาศาสตร์เพี้ยนจากการที่เขามีปัญหาในการเข้าสังคม มากกว่าจะสนใจผลงานของเขาที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้คนอื่น ๆ ซึ่ง เขาเป็นผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา หรือ Tesla coil ซึ่งเป็นหม้อแปลงที่สามารถแรงดันไฟฟ้าสูง แถมยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลา อีกทั้งยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สายอีกด้วย
กูกลิเอลโม มาร์โคนี (Guglielmo Marconi)
นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1874 (พ.ศ. 2417) และเสียชีวิตลงในขณะอายุ 63 ปี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) คนนี้ คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตวิทยุคนแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กูกลิเอลโม มาร์โคนี ก็ได้ฉายแววความฉลาดมาตั้งแต่เด็กจากการสนใจเรื่องไฟฟ้าอยู่เสมอ จนพ่อของเขาสนับสนุนด้วยการจ้างครูพิเศษมาสอนเรื่องไฟฟ้าให้กับเขาโดยเฉพาะ และจากความสำเร็จของผลงานชิ้นสำคัญนี้ก็ได้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเศรษฐีจากการเปิดบริษัทวิทยุโทรเลขมาร์โคนีในที่สุด
อริสโตเติล (Aristotle)
สุดท้ายนี้คือคนที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกในยุคสมัยเริ่มแรกของ วิทยาศาสตร์อย่างนักวิทยาศาตร์ชาวกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 384 - 322 ปีก่อนคริสตศักราชอย่าง อริสโตเติล นั่นเอง ซึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้านในหลายสาขา เช่น ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ วรรณกรรม และชีววิทยา โดยไหวพริบของอริสโตเติลนั้นทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกของอัจฉริยะ อย่างเพลโต ตั้งแต่อยู่ในวัย 18 ปี โดย ผลงานที่เด่นที่สุดของเขาเห็นจะเป็นด้านชีววิทยา ซึ่งเขาเป็นผู้จำแนกประเภทของสัตว์ตามลักษณะออกเป็น 2 ประเภท คือ พวกที่มีกระดูกสันหลังและพวกที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ทำให้ผู้คนนับถือความสามารถจนได้เป็นพระอาจารย์และพระสหายสนิทของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
บุคคลสำคัญสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (Emperor Hirohito) ปี 1901-1989
จักรพรรดิ ฮิโรฮิโตะขึ้นครองราชย์ในปี 1926 หลังการทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซะกิ พระองค์ทรงเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยอมจำนน หลังสงครามยุติ พระองค์ทรงร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรเปลี่ยนญี่ปุ่นให้เป็นประเทศประชาธิปไตยใน ปี 1946 พระองค์ทรงประกาศต่อสาธารณชนและปฏิเสธสถานภาพการเป็นเทพของตนเองในปี 1970 องค์จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ เสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีพระองค์เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ปี 1989
โตโจ ฮิเดกิ (Tojo Hideki) ปี 1884-1948
โต โจ เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นระหว่างปี 1941-1944 ตั้งแต่ปี 1935 เขาเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพญี่ปุ่นขณะรบกับจีนที่แมนจูเรีย ในปี 1938 เขากลับมายังกรุงโตเกียวและมีส่วนร่วมในรัฐบาลทหารของญี่ปุ่น ในปี 1940 เขารับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีการสงคราม สองเดือนก่อนการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ในปี 1941 เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น หลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดญี่ปุ่นได้แล้ว เขาถูกจับกุมในฐานะอาชญากรสงครามและถูกประหารชีวิตใน วันที่ 23 ธันวาคม ปี 1948
โต โจ เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นระหว่างปี 1941-1944 ตั้งแต่ปี 1935 เขาเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพญี่ปุ่นขณะรบกับจีนที่แมนจูเรีย ในปี 1938 เขากลับมายังกรุงโตเกียวและมีส่วนร่วมในรัฐบาลทหารของญี่ปุ่น ในปี 1940 เขารับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีการสงคราม สองเดือนก่อนการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ในปี 1941 เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น หลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดญี่ปุ่นได้แล้ว เขาถูกจับกุมในฐานะอาชญากรสงครามและถูกประหารชีวิตใน วันที่ 23 ธันวาคม ปี 1948
โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) ปี1879-1953
หลัง จากเลนินเสียชีวิตในปี 1924 สตาลินกายเป็นผู้นำของสหภาพโซเวียต เขามีอำนาจอยู่ 24 ปี ในช่วงเวลานั้น เขาปกครองโซเวียตอย่างน่าหวาดกลัว ผู้คนนับล้านเสียชีวิตเพราะการกระทำของเขา สตาลิน ควบ คุมกองกำลังติดอาวุธด้วยตนเองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเรียกร้องให้ชาวโซเวียตต่อสู้กับเยอรมนี เมื่อสงครามยุติ สตาลินมุ่งมันว่าประเทศของเขาจะต้องไม่ถูกคุกคามอีกต่อไป เขาจัดตั้งรัฐบาลคอมมิวนิสต์ที่เป็นมิตรทั่วยุโรปตะวันออก ด้วยความที่เขาไม่ไว้ใจยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกาทำให้เกิดสงครามเย็นขึ้น สตาลินเสียชีวิตในวันที่ 5 มีนาคม ปี 1953
วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill) ปี 1874-1965
วินสตัน เชอร์ชิลล์ เป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรถึงสองสมัย ที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขายังได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อ พ.ศ. 2496 เชอร์ชิลล์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวาระแรกระหว่าง พ.ศ. 2483-พ.ศ. 2488 โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็น นายกรัฐมนตรีหลังจากเยอรมนีบุกฝรั่งเศส เชอร์ชิลล์นำ สหราชอาณาจักรฝ่าวิกฤตสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นหนึ่งใน ผู้นำที่สำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตรร่วมกับประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ แห่งสหรัฐอเมริกา และโจเซฟ สตาลิน ผู้นำของสหภาพโซเวียต เชอร์ชิลล์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งโดย นำพรรคอนุรักษ์นิยม เอาชนะพรรคแรงงาน เมื่อ พ.ศ. 2494 และ เขาได้ลาออกเมื่อ พ.ศ. 2498
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ปี 1889-1945
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หัวหน้าพรรคนาซี และผู้นำสูงสุดของเยอรมนี ตั้งแต่ปี 1933-1945 ฮิตเลอร์ เป็นเผด็จการของเยอรมนี ภายใต้การนำของฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเยอรมันและฝ่ายอักษะ (ญี่ปุ่นและอิตาลี) ได้ยึดครองยุโรปได้เกือบทั้งทวีป ฮิตเลอร์ได้ใช้นโยบายด้านเชื้อชาติฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปอย่างน้อย 11 ล้านคน ซึ่งนับเป็นชาวยิวถึง 6 ล้านคนฮิตเลอร์เปลี่ยนแปลงเยอรมนีจากประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่งมาเป็นมหาอำนาจของโลก แต่ฝ่ายพันธมิตร นำโดยประเทศแกนนำได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน แคนาดา สเปน สาธารณรัฐโปรตุเกส ฟิลิปปินส์ สามารถเอาชนะเยอรมนีลงได้ใน พ.ศ. 2488 (ค.ศ.1945) ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1945 ฮิตเลอร์จบชีวิตโดยการยิงตัวตายพร้อมภรรยาชื่อ อีวา บราวน์ซึ่งกินยาพิษเป็นการฆ่าตัวตาย ในหลุมหลบภัยเบอร์ลินเพื่อหนีการถูกจับเป็นเชลย
นายพลแมคอาร์เธอร์ (General Doughas MacArthur) ปี 1880-1964
นาย พลแมคอาร์เธอร์บัญชาการกองทหารสัมพันธมิตรในแปซิฟิกและเอเชีย ในขณะที่เขาอยู่ในตำแหน่ง ประเทศฟิลิปินส์ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ถูกรุกรานและยึดครองโดยญี่ปุ่น แมคอาร์เธอร์ต้องถอยทัพไปอยู่ที่ออสเตรเลีย เขานำกองทัพผสมทหารอเมริกันและออสเตรเลียร่วมกับพลเรือเอกนิมิทส์ แล้วค่อยๆยึดเกาะในแปซิฟิกที่เคยถูกทหารญี่ปุ่นยึดไปคืนกลับมา เมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนในเดือนกันยายน ปี 1945 เขาได้รับการแต่งตั้งให้บัญชาการฟื้นฟูญี่ปุ่น เขาช่วยญี่ปุ่นก่อตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยและทำให้ญี่ปุ่นไม่มีอำนาจทางการ ทหารอีกต่อไปในเดือนมิถุนายน ปี 1950 เขาเป็นผู้นำกองกำลังสหประชาชาติในเกาหลีใต้ในการขับไล่การรุกรานของเกาหลี เหนือ และเสียชีวิตในเดือนเมษายนปี 1964
ดไวน์ ไอเซนเฮาร์ (Dwight Eisenhower) ปี 1890-1969
ปี 1942 นายพล ไอเซนเฮาร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกองทัพสหรัฐอเมริกาในยุโรปเดือนธันวาคมปี 1944 เขาควบคุมกำลังทหารกว่า 4ล้านนายในยุโรปเมือสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียตเริ่มขึ้นนั้น เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการองค์การสนธิสัญญาแอกแลนติกเหนือ (นาโต) ปี 1953 มีผู้ชักชวนให้เขาลงรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ความนิยมอย่างยิ่งในตัวเขาของคนอเมริกัน ทำให้เขาได้รับคะแนนเลือกตั้งอย่าท่วมท้น เขาเป็นประธานาธิบดีจนถึง ปี 1961 สงครามเกาหลียุติลงในขณะที่เขาดำรงอยู่ในตำแหน่ง ถึงแม้ว่าไอเซนเฮาร์ จะมีชื่อเสียงในฐานะเป็นปรปักษ์กับสหภาพโซเวียต แต่เขาก็พยายามรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้นำโซเวียต เขาเสียชีวิตในปี 1969
พลเรือเอกเชสเตอร์ วิลเลียม นิมิทส์
(Admiral Chester William Nimitz) ปี 1885-1966
พล เรือเอกนิมิทส์ทำงานร่วมกับนายพลแมคอาร์เธอร์ ในการนำทัพของฝ่ายสัมพันธมิตรทำสงครามกับญี่ปุ่นในเอเชียและแปซิฟิกในสงคราม โลกครั้งที่ 1 เขาเป็นผู้บัญชาการเรือดำน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างปี 1930 เขาได้เลื่อนยศในกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นลำดับ เดือนธันวาคมปี 1941 หลังญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดประจำกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาใน แปซิฟิก เขามีชื่อเสียงในฐานะเสนาธิการทหารผู้ยิ่งใหญ่ที่กล้าเสี่ยงตาย เขาปลดเกษียณจากกองทัพเรือปี 1947 และเสียชีวิตในปี 1966
จอมพลเออร์วิน รอมเมล (Field marshal Erwin rommel) ปี 1891-1944
จอม พลรอมเมล เป็นผู้บังคับบัญชาทหารของเยอรมนีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ในตอนเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 1เขาเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยรถถังซึ่งผลักดันทหารอังกฤษและฝรั่งเศสกลับสู่ ช่องแคบอังกฤษ ผลจากการนี้ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นพลโทบังคับบัญชาทหารเยอรมัน “Afrika Korps” ซึ่งเป็นฐานทัพเยอรมนีในแอฟริกาเหนือ เดือนมิถุนายน ปี 1942 รอมเมลยังเป็นผู้นำความพ่ายแพ้มาให้อังกฤษในยุทธภูมิเอล อลาเมน ที่มีชื่อเสียง รอมเมลได้เลื่อนยศเป็นนายทัพ มีสมญานามว่า “จิ้งจอกทะเลทราย” รอมเมลบัญชาการรบหน่วยป้องกันของเยอรมนีทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ต้องเผชิญกับการจู่โจมของฝ่ายสัมพันธมิตรในวันดี-เดย์เดือนกรกฎาคม ปี 1944 เขามีบทบาทเล็กน้อยในแผนลับเพื่อสังหารฮิตเลอร์ แต่แผนการล้มเหลว รอมแมลต้องเลือกระหว่างการขึ้นศาลกับอัตวินิบาตกรรมซึ่งเขาเลือกอย่างหลัง
นายพลจอร์จี ซูคอฟ (General Georgy Zhukov) ปี 1896-1974
ซูคอ ฟ นำพากองทัพโซเวียตสู่ชัยชนะเหนือเยอรมนี โดยการยึดครองกรุงเบอร์ลิน ซูคอฟมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นเมื่อเขารับหน้าที่ปกป้องมอสโกจากการรุกรานของกอง ทัพทหารเยอรมนี เมื่อมอสโกปลอดจากการคุกคามแล้ว เขาเริ่มผลักดันเยอรมนีให้ถอยทัพกลับ เขาเป็นผู้นำการจู่โจมกรุงเบอร์ลินในปี 1945 และอยู่ต่อในเยอรมนีในฐานะผู้นำโซเวียตที่ครอบครองเยอรมนีฝั่งตะวันออก ซูคอฟกลับสหภาพโซเวียตอย่างผู้ชนะในปี 1946 สตาลินอิจฉาความโด่งดังของเขา จึงลดตำแหน่งและส่งตัวเขาออกจากมอสโกไป หลังสตาลินเสียชีวิตในปี 1953 ซูคอฟกลับมอสโกและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ เขาเสียชีวิตในปี 1974
แฟรงคลิน รูสเวลท์ (Franklin Roosevelt) ปี 1882-1945
แฟรง คลิน รูสเวลท์ เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี 1933 เขาได้รับเลือกในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก โดยชูนโยบาย “ปฏิบัติการใหม่” เพื่อให้ประชาชนมีงานทำ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่ม สหรัฐอเมริกายังเป็นกลางอยู่ อย่างไรก็ดี รูสเวลท์เห็นว่าอังกฤษต้องการความช่วยเหลือในการต่อสู้กับเยอรมนี สภาคองเกรซผ่านกฎหมายของเขาเรื่องสัญญาการเช่าและยืม ที่ให้ความช่วยเหลืออังกฤษ รูสเวลท์เป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์เมื่อมกราคมปี 1943 เขาเห็นพ้องกับเซอร์ชิลล์ว่า ทางเลือกเดียวสำหรับเยอรมนีและญี่ปุ่นคือ ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข รูสเวสท์เสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 เมษายน ปี 1945
แฮร์รี เอส ทรูแมน (Harry S Truman) ปี 1844-1972
แฮ ร์รี ทรูแมน เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี 1945 หลังจากรูสเวลท์เสียชีวิต ทรูแมนเป็นผู้ตัดสินใจทิ้งระเบิดปรมาณู 2 ลูกในเมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น และนำชัยชนะเหนือเยอรมนีและญี่ปุ่นมาสู่ชาวอเมริกัน เขายังเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต ความข้องใจของเขาทำให้เกิด “ลัทธิทรูแมน” ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อยับยั้งการขยายอำนาจของสหภาพโซเวียตไปทั่วโลก วิธีหลักที่ทรูแมนทำคือผ่านทางแผนมาร์แชลและการก่อตั้งนาโตในปี 1949 เขาเป็นผู้ส่งกองทหารเพื่อสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในเกาหลีและให้ความช่วยเหลือ ในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่เวียดนามอีกด้วย ทรูแมนเกษียณอายุในปี 1952 และเสียชีวิตอีก 20ปี หลังจากนั้น
ข้อมูลจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น