พระเจดีย์ชเวดากอง และ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ของเมียนม่า
ไปขุดเจอบทความหนึ่งใน ศิลปวัฒนธรรม เขาเรียบเรียงมาจากบทความ Icon of Identity As Sites of Protest: Burma and Thailand.
พยายามหา paper เต็มๆ มาอ่าน แต่ดันเป็นภาษาจีนเสียนี่
คนเขียนเป็นฝรั่งแต่เขาไปเสนอผลงานในการประชุมที่จีน
เข้าใจว่าเพราะเหตุนี้เลยเป็นภาษาจีน
ประเด็นก็คือเขาเปรียบเทียบพม่ากับไทย โดยยกเอาสถานที่ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อย่าง พระเจดีย์ชเวดากอง และ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
มาเป็นกรณีศึกษาในประเด็นทางการเมืองว่าด้วยการประท้วงและเรียกร้อง
ประชาธิปไตย (หรือเรื่องอื่นๆ ก็ตาม)
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของบ้านเรานั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นอนุสรณ์ทางการ
เมือง จึงเป็น Landmark
สำคัญเวลามีสถานการณ์ทางการเมืองไม่ว่าจะร้อนมากหรือร้อนน้อย แต่กับ
ชเวดากอง นั้นไม่ใช่
พระมหาเจดีย์ถูกเปลี่ยนสถานะอย่างเป็นทางการน่าจะเป็นช่วงก่อนเกิดสงคราม
ระหว่างพม่ากับอังกฤษในยุคแรก
ตอนที่อังกฤษบุกเข้ามายึดย่างกุ้งนั้นก็มาเอาชเวดากองเป็นที่มั่น
เพราะตั้งอยู่ที่สูง ชัยภูมิดี
แต่ส่วนหนึ่งผมเชื่อว่าอังกฤษต้องการเอาพระมหาเจดีย์เป็นตัวประกัน
อย่าลืมว่าอังกฤษไม่ใช่เพิ่งเข้ามา
แต่ดอดเข้ามาหากินในพม่ามานานจนรู้ไส้พุงรู้นิสัยคนพม่าดี
ถ้าใครเคยอ่านประวัติศาสตร์พม่าคงเคยพบมีการบันทึกว่า
อังกฤษตั้งฐานที่ชเวดากอง
จนทหารพม่าไม่กล้ายิงเข้าไปเพราะกลัวจะโดนพระมหาเจดีย์
บางคนเห็นคนนอกศาสนาเข้ามายึดพระมหาเจดีย์ก็ทอดอาลัย
ทิ้งปืนยอมแพ้มันเสียเลย ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรพระมหาเจดีย์ … พุทโธ่เอ๋ย
ที่สุดอังกฤษก็ยีดเอาพม่าตอนใต้ไว้ได้ คนพม่าตอนบนที่อพยพหนีไปก็ใจหาย
ผ่านไปไม่นานก็แอบหนีมาอยู่ตอนใต้ยอมอยู่ใต้อาณัติฝรั่ง
เพราะได้ใกล้ชิดพระมหาเจดีย์ เขาศรัทธาของเขาอย่างนั้นนะครับ
ไม่ใช่ว่าไม่รักชาติไม่รักเอกราช
อีกทั้งความเป็นอยู่ในพม่าตอนบนก็ใช่ว่าจะดี พม่าตอนใต้เจริญเอาๆ
เพราะอังกฤษปกครองแบบใช้หลักกฎหมาย พัฒนาโน่นพัฒนานี่
แต่อังกฤษก็ไม่ได้นอนใจ พระเจ้ามินดง
มีพระราชประสงค์จะเสด็จมาประกอบพิธีถวายยอดฉัตรชเวดากอง แต่อังกฤษเซย์โน
เบื้องลึกนั้นเพราะอังกฤษไม่ต้องการให้ราชสำนักพม่าแสดงตนว่ายังคงมีอิทธิพล
ต่อพระพุทธศาสนาและ Rebranding ระบอบกษัตริย์จนอาจทำให้คนพม่าเริ่มเขว
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ
ที่แสดงให้เห็นว่าพระมหาเจดีย์เริ่มถูกกำหนดบทบาทใหม่จากศาสนสถานเป็น
สัญลักษณ์ทางการเมือง
ชเวดากอง
กลายเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญก็สมัยที่พม่าพยายามเรียกร้องเอกราช
จากอังกฤษ และช่วงที่เรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลทหาร คงจำกันได้ว่า
อองซาน ซูจี ประกาศตัวเป็นทายาททางการเมืองต่อจากบิดา
โดยปราศรัยครั้งแรกก็ที่ชเวดากองนี่ล่ะ ใครที่ได้ชมภาพยนตร์ The Lady
ก็น่าจะพอนึกภาพออก ว่ากันว่าแม้รัฐบาลทหารจะพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทาง
คนพม่าก็ยังอุตส่าห์แห่แหนไปฟังเธอปราศรัยถึงหลักล้านคน!
แต่ว่าต่อให้ ชเวดากอง จะถูกกำหนดบทบาทในฐานะอะไรก็ตาม
จากคนกลุ่มใดก็ตาม เนื้อแท้ที่ชาวพม่าน่าจะทั้งประเทศยังคงระลึกเสมอก็คือ
นี่คือศาสนสถานที่พวกเขาให้ความเคารพศรัทธามากที่สุด
ว่ากันว่าหากจะยึดประเทศนี้ไม่ต้องยกกองทัพไปยึดนครหลวง
แต่ให้ไปยึดพระมหาเจดีย์แทน แต่หากจะมีใครทำนี้จริง
ผมเชื่อว่าคงไม่มีทางทำสำเร็จ
เพราะคงต้องฝ่าด่านมหาชนชาวพม่าทั้งประเทศให้ได้เสียก่อนล่ะ
จาก ศิลปวัฒนธรรม
suriya mardeegun
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น