ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ทั้งรูปธรรมและนามธรรม มันล้วนเกิดจาก"สิ่งที่มีอำนาจเท่ากับมันหรือเหนือกว่า " , เช่น ตัวเรา เกิดจากสารอาหาร พลังงาน ที่แม่เรากินเข้าไปและค่อยๆสะสมผ่านระบบบางอย่างจนคลอดมาเป็นตัวเรา , ร่างกายเราเติบโตจากอาหารทั้งพืชและเนื้อสัตว์ , เนื้อสัตว์ก็เกิดจากสารอาหารจากพืช , พืชได้พลังงานจากแสงอาทิตย์และแร่ธาตุในดิน เป็นพลังงานต่อเนื่องที่มหาศาล ...กว่าจะมาเป็นตัวเรา
++
สติปัญญาของมนุษย์ ก็เกิดจากความปรีชาที่ยิ่งกว่า , เช่น การที่คนเรา จะออกงานวิจัย หรือเขียนบทความสักบทได้ มันมาจากการสะสมความรู้มากมายนับไม่ถ้วน , ความรู้นั้นก็ได้รับการสะสมด้วยบันทึกของปราชญ์หลายยุคหลายสมัย นับไม่ถ้วนย้อนกลับไปเรื่อยๆ
++
ดังนั้นผมขอพูดว่า สรรพสิ่งใดๆ
ต้องเกิดจากสิ่งที่มีอำนาจเท่ากับมัน หรือเหนือกว่ามัน
ดัง นั้นเมื่อย้อนระบบกลับไปเรื่อยๆตั้งแต่กำเนิดโลก กำเนิดระบบสุริยะ กำเนิดกาแล็กซี่ ไปจนถึงกำเนิดจักรวาล , ทฤษฎีปัจจุบันยังได้แค่สัญญิฐานว่าเอกภพเกิดจากความว่างเปล่า ไม่มีสถานที่และเวลา ... แต่คำว่าว่างเปล่าก็ย้อนแย้งในตัวเอง คือ ว่างเปล่าแล้วจะมี Something ได้ยังไง , แปลว่ามันเกิด paradox ของตัวตนมันเอง / แต่ในการอธิบายเรื่องพระเจ้า จากกุรอานที่กล่าวว่าพระองค์เป็นสิ่งที่ไม่มีการเกิด การดับ ทรงไม่ Belong ต่อสิ่งใดๆ แต่ทุกสิ่งต่างหากที่เกิดจากจากพระองค์ , พระองค์มีอำนาจไม่จำกัดมาแบบนิรันดร์ และจักรวาลก็เป้นแค่สิ่งที่ทรงสร้างขึ้นมา ...
บางคนเรียกว่าธรรมชาติ
แต่ การที่เราพูดว่าธรรมชาติมันมีนัยยะว่า มันเป็นไปของมันแบบอัตโนมัติ มันไม่มีเจตนา ไม่มีการสื่อสาร ไม่มีการสั่งสอน ... แต่ผมคิดว่า อำนาจในการสื่อสาร ตั้งกฎ เป็นสิ่งที่มีค่ามากในมนุษย์ แล้วทำไมเราไม่คิดว่า สิ่งที่กำเนิดทุกสิ่งได้ จะไม่ยิ่งมีเจตนา มีการสั่งสอน มีวาระที่ชัดแจ้งกว่าสิ่งที่มนุษย์คิดมา
แต่ การที่เราพูดว่าธรรมชาติมันมีนัยยะว่า มันเป็นไปของมันแบบอัตโนมัติ มันไม่มีเจตนา ไม่มีการสื่อสาร ไม่มีการสั่งสอน ... แต่ผมคิดว่า อำนาจในการสื่อสาร ตั้งกฎ เป็นสิ่งที่มีค่ามากในมนุษย์ แล้วทำไมเราไม่คิดว่า สิ่งที่กำเนิดทุกสิ่งได้ จะไม่ยิ่งมีเจตนา มีการสั่งสอน มีวาระที่ชัดแจ้งกว่าสิ่งที่มนุษย์คิดมา
--------
มีสิ่งใดบ้าง ที่ Bang ! ออกมาแล้วกลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ (เช่นจักรวาล)
คุณ สามารถระเบิดก้อนหินให้ประกอบกันกลายเป็นรถ หรือระเบิดเศษเหล็กให้ประกอบเป็นจักรยานได้อย่างไร้แบบแผนได้กระนั้นหรือ ? , แน่นอน มีแต่อำนาจบางอย่างที่สร้างสรรค์ได้เช่นนั้น และแน่นอน มนุษย์มีค่าเกินกว่าที่จะเป็นของเล่นของใคร แม้แต่เทวดา(มลาอิก๊ะ) ที่มีอำนาจจัดสรรการงานของจักรวาล ยังถูกพระเจ้าสั่งให้ก้มกราบต่อเรา , พระองค์ต้องการบางอย่างจากเรา และทดสอบเราเพื่อสิ่งนั้น
คุณ สามารถระเบิดก้อนหินให้ประกอบกันกลายเป็นรถ หรือระเบิดเศษเหล็กให้ประกอบเป็นจักรยานได้อย่างไร้แบบแผนได้กระนั้นหรือ ? , แน่นอน มีแต่อำนาจบางอย่างที่สร้างสรรค์ได้เช่นนั้น และแน่นอน มนุษย์มีค่าเกินกว่าที่จะเป็นของเล่นของใคร แม้แต่เทวดา(มลาอิก๊ะ) ที่มีอำนาจจัดสรรการงานของจักรวาล ยังถูกพระเจ้าสั่งให้ก้มกราบต่อเรา , พระองค์ต้องการบางอย่างจากเรา และทดสอบเราเพื่อสิ่งนั้น
--------------------------------------
อัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ อัลลอฮ์นั้นทรงเป็นที่พึ่ง
พระองค์ไม่ประสูติและไม่ทรงถูกประสูติ
และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์” (อัลกุรอาน, 112:1-4)
**
“และกิจการของเรา นั้นเพียง (บัญชา) ครั้งเดียว
คล้ายกับชั่วพริบตาเดียว” (อัลเกาะมัร 50)
++
"และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า
แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน
แล้วเราได้แยกมันออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ
ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ" (อัลอัมบิยาอฺ อายะฮ์ 30)
คล้ายกับชั่วพริบตาเดียว” (อัลเกาะมัร 50)
++
"และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า
แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน
แล้วเราได้แยกมันออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ
ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ" (อัลอัมบิยาอฺ อายะฮ์ 30)
"อัลลอฮ์ไม่ทรงพึ่งพาสิ่งใด แต่ทุกสิ่งล้วนพึ่งพาพระองค์ "
------------------------------------
คุณลักษณะของอัลลอฮ์ตามที่อิสลามอธิบาย
1.อัล-เกาะ
ดีม หมายถึง อัลลอฮฺ ทรงเป็นนิรันดร พระองค์ไม่มีจุดแห่งการเริ่มต้น
หรือจุดแห่งการอวสาน ไม่มีสรรพสิ่งใด ๆ
ที่จะเป็นนิรันดรได้นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น
2.อัล-กอดิร หมายถึง อัลลอฮฺ ทรงไว้ซึ่งมหาอำนาจอันใหญ่ยิ่ง เหนือสิ่งใด ๆ ทั้งมวล อำนาจของพระองค์อยู่เหนือทุกสิ่งสรรพ
3.อัล-อะ
ลีม ความถึง อัลลอฮฺ ทรงรู้แจ้งในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเจตนารมณ์หรือความปรารถนานาประการที่ซ่อนเร้นของมนุษย์ล้วนอยู่
ในความรอบรู้ของพระองค์ทั้งสิ้น
4.อัล-ฮัยยุ หมายถึง อัลลอฮฺ ทรงดำรงอยู่เสมอและจะทรงคงอยู่ตลอดไป
5.อัล-มุ
รีค หมายถึง อัลลอฮฺ ทรงมีความประสงค์อันเป็นอิสระ
และทรงไว้ซึ่งดุลพินิจในกิจการงานทั้งปวง พระองค์ไม่ทรงทำสิ่งใด ๆ
ภายใต้แรงบังคับ
6.อัล-มุด
ริก หมายถึง อัลลอฮฺ ทรงเข้าใจในทุกสิ่งสรรพ ดังเช่น อัส-สะมิอฺ
(ทรงได้ยินในทุกสิ่ง) (อัล-บะซีร) อัลลอฮฺ
ทรงเห็นในทุกสิ่งสรรพโดยปราศจากความจำเป็นที่จะต้องมีดวงตาหรือหู
7.อัล-มุ
ตะกัลลิม หมายถึง อัลลอฮฺ คือเจ้าแห่งถ้อยวาจากอันใหญ่ยิ่ง
พระองค์สามารถบันดาลให้เกิดการพูดในสิ่งใด ๆ ดังเช่น
ที่พระองค์ทรงบันดาลให้ต้นไม่พูดกับศาสดา มูซา (โมเสส)
และทรงบันดาลให้เกิดการพูดภายใน “ม่านแสง” กับท่านศาสดามุฮัมมัด
(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านและลูกหลานของท่าน)
8.อัซ-ซอดิก หมายถึง อัลลอฮฺ ทรงจริงแท้ในคำกล่าวและถ้อยสัญญาแห่งพระองค์
การ
จำกัดขอบเขตต่อบรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮฺเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้
และคุณลักษณะทั้งแปดข้อที่ได้กล่าวมานั้นมิใช่เป็นคุณลักษณะโดยละเอียด
เป็นเพียงคุณลักษณะสำคัญ ๆ
ที่จะทำให้เราได้เข้าใจถึงบารมีแห่งพระองค์เท่านั้น
บรรดาคุณลักษณะเหล่านี้มิใช่เป็นคุณลักษณะที่เกิดขึ้นภายหลัง
แต่มันเป็นคุณลักษณะโดยธรรมชาติในแนวความคิดที่เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง
บทความอื่นๆ ------------------------------------------
อิสลาม กับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่ง (3 หัวข้อ)
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=apirat&month=15-06-2015&group=1&gblog=102
อิสลามอธิบายว่านุษย์ถูกสร้างมาจากอะไร (บ้าง) ?
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=apirat&month=15-06-2015&group=1&gblog=103
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น