วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

10 ผู้สร้างสรรค์ นวัตกรรม ที่เจ๋งกว่า “สตีฟ จ๊อบส์”



หากพูดถึง ผู้สร้าง นวัตกรรมแล้ว
สตีฟ จ๊อบส์ คงเป็นบุคคลแรก ที่หลายคนนึกถึง
แต่ที่จริงแล้ว จ๊อบส์นั้น ไม่นับว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับเหล่านักสร้างนวัตกรรมแถวหน้า
ผู้ซึ่งคิดค้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษยชาติเลย
จ๊อบส์ เป็นเพียงแค่ ผู้ที่นำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว มาขัดเกลาให้ดูหรูหราสง่างาม และใช้เทคนิคทางการตลาดที่เหนือชั้น เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีนั้น
โดยที่เขา ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นมัน ด้วยตนเองเลย
ส่วนคำถามที่ว่า
ถ้าไม่ใช่ จ๊อบส์ แล้ว จะเป็นใครกัน ที่เป็นสุดยอด ผู้สร้างนวัตกรรม ที่โลกเคยมีมา
ลองดูรายชื่อ 10 อันดับบุคคล ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมเปลี่ยนโลกนี้กันเลย

อันดับที่ 10 เซอร์กีย์ ปาฟโลวิช โคโรเลฟ (Sergei Pavlovich Korolev) 1907-1966
โคโรเลฟเป็นผู้นำในโครงกาศสำรวจอวกาศของโซเวียต เขาเป็นคนแรกที่พัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่ใช้ส่งมนุษย์ไปยังอวกาศ แต่ผลงานชิ้นเด่นคือการคิดค้นดาวเทียม
คุณูปการต่อโลก  :
สิ่งที่โคโรเลฟคิดค้น เป็นรากฐานสำคัญของ การพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารและระบบ GPS ในยุคปัจจุบัน

อันดับที่ 9 นิโคล่า เทสล่า (Nikola Tesla) 1856-1943
เทสล่าได้คิดค้นไดนาโม ที่ทำหน้าที่เป็นมอร์เตอร์ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวด้วยกระแสไฟฟ้าระบบ ไฮดรอลิค ไดโอด เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ท่อร้อยสายไฟฟ้า เครื่องเอ็กซเรย์ เรือบังคับไร้สาย
แม้จะมีสิ่งประดิษฐ์มากมาย
แต่ด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของเขา ทำให้เขาเป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์สติเพี้ยนในสายตาของคนทั่วไป
ซ้ำร้ายกว่านั้นชื่อและสิ่งประดิษฐ์ของเขาถูกนำมาแต่งเป็นผู้ร้ายในการ์ตูนยอดฮิตซูเปอร์แมนโดยมีอยู่ตอนหนึ่ง ซูเปอร์แมนต้องต่อสู้กับนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องชื่อ ” เทสล่า ” ที่พยายามทำลายล้างโลกด้วยอาวุธลำแสงมหาประลัย ( Death Ray )
คุณูปการต่อโลก :
ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ที่เทสล่าคิดค้น เป็นรากฐานใน การพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้า ทุกชนิด

อันดับที่ 8 อาร์คิมีดีสแห่งเมืองไซราคิวส์ (Archimedes of Syracuse) 287 ปีก่อนคริสตศักราช- 212 ปีก่อนคริสตศักราช)

อาร์คิมีดีส ได้คิดค้นสูตรคณิตศาสตร์ สำหรับวัดพื้นที่ของรูปเราขาคณิต และหาความถ่วงจำเพาะของวัตถุต่างๆ
เขายังเป็นผู้ประดิษฐ์ ปั๊ม ชนิด สว่าน รอกคู่ รวมทั้งอาวุธที่เป็นโลหะขัดเงามีลักษณะคล้ายกระจกเว้าสะท้อนแสงให้มีจุดรวมความร้อนที่สามารถทำให้เรือของกองทัพโรมันไหม้ไฟได้
คุณูปการต่อโลก :
งานของอาร์คิมีดีส เป็นรากฐานของ การพัฒนาคณิตศาสตร์สมัยใหม่ และรอกคู่ ก็เป็นอุปกรณ์ช่วยผ่อนแรง ที่ไม่เคยล้าสมัย

อันดับที่ 7 อัล-จาซารี (Badi’al al-Jazar) 1136 -1206
อัล-จาซารีได้ประดิษฐ์เพลาลูกเบี้ยว เพลาข้อเหวี่ยง เครื่องสูบน้ำชนิดสายพาน  ปั๊มน้ำคู่พร้อมด้วยหลอดดูดน้ำ ปั๊มประเภทสูบชัก ระบบชักโครก ระบบนาฬิกา รวมถึงหุ่นยนต์ที่ช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มและเล่นดนตรี
คุณูปการต่อโลก :
สิ่งประดิษฐ์ของอัล-จาซารี เป็นพื้นฐานของการพัฒนาเครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้โลกเคลื่อนเข้าสู่ ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม 

อันดับที่ 6 โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) 1847-1931
เอดิสัน เป็นเจ้าของสิทธิบัตรกว่า พันรายการในสหรัฐฯ
นอกเหนือจากสิ่งประดิษฐ์ขึ้นชื่ออย่างหลอดไฟฟ้าแล้ว
เขายังประดิษฐ์เครื่องเล่นจานเสียง กล้องถ่ายภาพ แต่ว่ากันว่าสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของเอดิสันอาจไม่ใช่หลอดไฟ แต่เป็นการก่อตั้งห้องแล็บวิจัย (Research Lab) ขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ห้องแล็บวิจัยแห่งเมนโลพาร์ค (Menlo Park Laboratory) เป็นหน่วยงานแรกในโลกที่ก่อตั้งขึ้นด้วยเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือการทุ่มเทค้นคว้าสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ
เอดิสัน นำเอาระบบการผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาใช้กับห้องแล็บแห่งนี้ เขาจ้างวิศวกรและพนักงานส่วนต่างๆมากมาย แบ่งงานออกเป็นกลุ่มย่อยๆ โดยแต่ละกลุ่มมีเป้าหมายและการวัดผลของตนที่ชัดเจน เทคนิคการทำงานที่ประยุกต์มาจากระบบสายการผลิตในโรงงานเช่นนี้นับได้ว่าเป็นความคิดที่ก้าวหน้ามากในแวดวงวิทยาศาตร์ยุคนั้น ห้องแล็บแห่งเมนโลพาร์คจึงเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของสิ่งประดิษฐ์มากมายภายใต้ชื่อ โทมัส เอดิสัน
การจัดระบบเช่นนี้ ทำให้เขามีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ร่วมกันทำงานภายใต้เป้าหมายที่เขากำหนดขึ้น สิทธิบัตรทุกชิ้นที่คิดค้นขึ้นได้จะจดทะเบียนภายใต้ชื่อของเอดิสัน เช่นเดียวกับที่เราคุ้นเคยกันดีกับระบบงานวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ของบริษัทชั้นนำในปัจจุบัน
คุณูปการต่อโลก :
ห้องแล็บวิจัย ที่เอดิสันก่อตั้งขึ้น ได้กลายเป็นต้นแบบของห้องแล็บวิจัยสมัยใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งสุดยอดนวัตกรรมทั้งหลาย ได้ก่อกำเนิดขึ้น

อันดับที่ 5 มารี คูรี่ (Marie Curie) 1867-1934
คูรี่ เป็นผู้ค้นพบ และให้คำจำกัดความกัมมันตภาพรังสี
เธอยังได้ค้นพบ ธาตุใหม่อีก 2 ธาตุที่ชื่อว่า พอโลเนียมและเรเดียม
ประดิษฐ์เครื่องเอกซเรย์แบบพกพา และเป็นคนแรกที่นำไอโซโทปของกัมมันตภาพรังสีมาใช้ในทางการแพทย์
คูรี เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล อีกทั้งยังเป็นคนแรก ที่ได้รับรางวัลโนเบลด้านวิทยาศาสตร์ถึง 2 ครั้ง (ด้านฟิสิกซ์และเคมี)
คุณูปการต่อโลก :
การค้นพบของคูรี่ เป็นรากฐานของ การพัฒนาวิทยาการทางด้านเคมีสมัยใหม่ รวมถึงวิทยาการทางการแพทย์อีกหลายแขนง

อันดับที่ 4 จอห์น วี. อะทานาซอฟฟ์ (John Vincent Atanasoff) 1903-1995
หลังจากที่โลกต้องทนกับปัญหาความผิดพลาด ในการประมวลผล ของคอมพิวเตอร์ระบบอนาล็อก
อะทานาซอฟฟ์ ก็ได้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ ระบบดิจิตอลขึ้น
โดยมีการใช้หน่วยความจำคอมพิวเตอร์ ระบบข้อมูลฐานสอง
ที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ กับ ซึ่งพัฒนามาจากตรรกะแบบบูลที่ประกอบด้วยค่าจริง (True) หรือไม่จริง (False)
คุณูปการต่อโลก :
ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ คุณก็คงไม่ได้อ่านบทความนี้อยู่หรอก

อันดับที่ 3 อัลเบิร์ต ไอสไตน์ (Albert Einstein) 1879- 1955
ไอสไตน์ได้พัฒนาทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษที่ช่วยอธิบายปรากฏการณ์ของสนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้าและทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไปซึ่งได้มองภาพของแรงโน้มถ่วงใหม่แตกต่างจากมุมมองของนิวตัน
คุณูปการต่อโลก :
ทฤษฎีสัมพันธภาพของไอสไตน์ เป็นรากฐานของ การพัฒนาระเบิดปรมาณู และโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์

อันดับที่ 2 เซอร์ไอแซค นิวตัน (Sir Isaac Newton) 1642-1726
นิวตัน ได้สร้างสมการ เพื่ออธิบายกฏของการเคลื่อนที่และแรงโน้มถ่วง
สมการของนิวตัน ได้อธิบายถึงปรากฏการณ์ที่ดาวเคราะห์โคจรเป็นวงรี การเกิดคลื่นในทะเล และการคำนวณระยะทางของการเคลื่อนที่ทางโค้ง นิวตันยังได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงอีกด้วย
คุณูปการต่อโลก :
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน เป็นรากฐานในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ สาเหตุและวิธีการเคลื่อนที่ของทุกๆ สิ่ง ในจักรวาล

อันดับที่ 1 โจฮันส์ กูเตนเบิร์ก (Johannes Gutenberg) 1398 -1468
กูเตนเบิร์ก ได้ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์แค่สิ่งเดียวเท่านั้นแต่ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนานัปการสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่นั้นก็คือ เครื่องพิมพ์
ผลกระทบของ Gutenberg อาจสรุปได้ดังนี้
1) การอ่าน เขียน กลายเป็นสมบัติของประชาชน โดยข่าวสาร ความคิด และความรู้กระจายไปทั่วทุกชนชั้นและเกิดความรู้มากยิ่งขึ้น การตีพิมพ์วารสารวิชาการทำให้เกิดมีลิขสิทธิ์ และเกิดการแลกเปลี่ยนต่อยอดความคิดเห็นขึ้น
2)  ทำให้เกิดยุคสมัยของสื่อสารมวลชน การกระจายตัวขององค์ความรู้และความคิดเสรีนิยมเปลี่ยนแปลงความนึกคิดของผู้คนในสังคมจนมีส่วนทำให้โครงสร้างสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวรทั้งในยุโรปและในเอเชียในเวลาต่อมา
3)  ผู้มีอำนาจและความเชื่อดั้งเดิมถูกท้าทาย เมื่อผู้คนสามารถสื่อสารแนวคิด เรียนรู้สิ่งต่างๆ และสื่ออารมณ์ถึงกันได้อย่างสะดวกกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีความถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนโดยคำบอกเล่าหรือโดยหนังสือซึ่งคัดลอกมาผิดพลาดอีกด้วย
4) เกิดการแพร่กระจายของคริสต์ศาสนาผ่านการพิมพ์ไบเบิลนับล้านๆ เล่มสู่ประชาชนในแทบทุกมุมโลก คงไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่า Gutenberg มีอิทธิพลอย่างมากต่อการแพร่กระจายของคริสต์ศาสนา
5) หลายภาษาในยุโรปมีความเป็นตัวตนมากขึ้นเพราะการพิมพ์จนนำไปสู่ความรู้สึกชาตินิยมและความคิดในเรื่องรัฐ-ชาติ การเกิดขึ้นของสงครามศาสนาและอีกหลายสงครามในเวลาต่อมาเป็นผลพวงจากอิทธิพลของ Gutenberg อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
คุณูปการต่อโลก :
การเกิดขึ้นของเครื่องพิมพ์ Gutenberg เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ ยุคฟื้นฟูครั้งใหญ่ (The Renaissance)  
ซึ่งเป็นยุคของ ทัศนะมนุษยนิยม ซึ่งต่างจากในยุคกลาง ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต
นั่นคือ การเชื่อมั่นในความสามารถ ที่จะพัฒนาตนเองของมนุษย์
โดยอาศัยเหตุผล และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องอาศัยอำนาจเหนือธรรมชาติ 
การมองโลกแบบนี้
ทำให้เกิดเสรีภาพใหม่ในการพัฒนาตนเอง
มีการพัฒนาการในเรื่องของ ศิลปะและสถาปัตยกรรม, วรรณคดี, ดนตรี, ปรัชญา, และวิทยาศาสตร์
จาก
http://www.brandbuffet.in.th/2015/06/10-innovators-worlds-steve-jobs/?utm_source=feedburner&utm_medium=email&utm_campaign=Feed%3A+BrandBuffet+%28Brand+Buffet+%29

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น