วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

บันทึกข่าว : เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ หลังเหตุการณ์ป่วนวางระเบิด หน้า”ศาลพระพรหม” เอราวัณ สายหลักใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ข่าวด่วน – เมื่อเวลาประมาณ 19:00 น. ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดที่ประตูทางเข้าศาลพระพรหมเอราวัณ ณ สี่แยกราชประสงค์ พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 12 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่าหลายราย ซึ่งแรงระเบิดนี้ส่งผลให้อาคารก่อสร้างและยานพาหนะต่างๆที่จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายและเกลื่อนกระจายเต็มถนน ทางด้าน พล.ต.อ. ถาวรศิริโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดมาจากวัตถุระเบิดชิ้นหนึ่ง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดใด ศาลพระพรหมเอราวัณเป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมมากในการสักการะบูชาพระพรหมเทพเจ้าในศาสนาฮินดู เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือจากชาวไทยและต่างประเทศ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการกั้นพื้นที่ดังกล่าวเพราะวันว่าอาจจะมีการระเบิดซ้ำ ลูกที่ 2 ตามมา และสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนและสื่อมวลชนต่างๆเข้าไปยังพื้นที่ ซึ่งตอนนี้บีรายงานเข้ามาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบวัตถุระเบิดและค้นหาระเบิดลูกที่ 2 ซึ่งอาจจะมีอยู่หรือไม่มีก็ได้ ดูคลิป…ทางนี้ ที่มา : The Guardian แชร์ 1 15 1 0

เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ หลังเหตุการณ์ป่วนวางระเบิด หน้า”ศาลพระพรหม” เอราวัณ สายหลักใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย


ข่าวด่วน – เมื่อเวลาประมาณ 19:00 น. ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดที่ประตูทางเข้าศาลพระพรหมเอราวัณ ณ สี่แยกราชประสงค์ พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 12 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่าหลายราย ซึ่งแรงระเบิดนี้ส่งผลให้อาคารก่อสร้างและยานพาหนะต่างๆที่จอดอยู่ในบริเวณ ดังกล่าวได้รับความเสียหายและเกลื่อนกระจายเต็มถนน



ทางด้าน พล.ต.อ. ถาวรศิริโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดมาจากวัตถุระเบิดชิ้นหนึ่ง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดใด



ศาลพระพรหมเอราวัณเป็นศาลเจ้าที่ได้รับ ความนิยมมากในการสักการะบูชาพระพรหมเทพเจ้าในศาสนาฮินดู เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือจากชาวไทยและต่างประเทศ
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการกั้น พื้นที่ดังกล่าวเพราะวันว่าอาจจะมีการระเบิดซ้ำ ลูกที่ 2 ตามมา และสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนและสื่อมวลชนต่างๆเข้าไปยังพื้นที่ ซึ่งตอนนี้บีรายงานเข้ามาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบวัตถุระเบิดและ ค้นหาระเบิดลูกที่ 2 ซึ่งอาจจะมีอยู่หรือไม่มีก็ได้
ดูคลิป…ทางนี้

ที่มา : The Guardian

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น