“ถ้ามึงจะยิงลูกน้องกู มึงมายิงกูดีกว่า” เสียงตะโกนของ ‘สืบ นาคะเสถียร’ ดังก้องป่า ในตอนเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วย ขาแข้ง ลูกน้องเขาถูกพรานล่าสัตว์ท ำร้ายขณะออกลาดตระเวน แม้ผู้กระทำความผิดจะถูกจับ แต่ก็ต้องแลกกับความสูญเสีย อันน่าเศร้า
สืบเปล่งวาจาออกไปด้วยอารมณ ์โมโห มันดังมาจากข้างในจิตใจของผ ู้เป็นหัวหน้า
ดร.อลัน ราบิโนวิทซ์ เพื่อนสนิทของสืบ บอกกับเขาว่า “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับการที่มีใครตาย เพราะการตายไม่ได้อยู่ในควา มรับผิดชอบของคุณ พวกเขาทำงานของเขา คุณไม่ต้องไปรับผิดชอบพวกเข าถึงร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก” แต่สืบก็ตอบกลับทันทีว่า “จะไม่มีใครตายในห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม”
ในความเป็นสืบ นาคะเสถียร แม้เราจะรู้จักภาพเขาในฐานะ นักวิชาการและนักอนุรักษ์ แต่อีกภาพหนึ่งที่ปรากฎเด่น ชัดควบคู่กันมา คือ สืบเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้ใต้ บังคับบัญชาหรือลูกน้องเป็น อย่างมาก
เพราะสืบรู้ดีว่า คนที่ทำงานเพื่อรักษาป่าจริ งๆ คือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าระ ดับล่าง และงานที่พวกเขาทำก็มีความเ สี่ยงอันตรายถึงชีวิต
เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทื อนใจและทำให้สืบเริ่มตระหนั กถึงปัญหาความยากลำบากของพน ักงานพิทักษ์ป่า เกิดขึ้นเมื่อตอนเขาทำงานวิ จัยเรื่องกวางผาที่เขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในการเดินทางสำรวจครั้งนั้น ได้เกิดอุบัติเหตุจากไฟป่าจ นทำให้ คำนึง ณ สงขลา หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าดอยม ูเซอ ที่ร่วมเดินทางไปด้วยเสียชี วิต
สืบได้เขียนบันทึกถึง คำนึง ณ สงขลา ไว้ว่า “เราทั้งคู่มองหาคำนึง เมื่อไม่เห็นจึงตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ พวกที่เดินกลับไปก่อนย้อนมา ดูพวกเรา และช่วยกันหาคำนึง ผมพบหมวกที่คำนึงเคยสวมอยู่ ถูกไฟไหม้เป็นเถ้าถ่าน แต่ยังคงรูปเป็นหมวกให้เห็น ก่อนที่จะถูกลมกรรโชกให้แตก สลายไป ...ประมาณบ่ายโมงครึ่งของวั นรุ่งขึ้น ขณะที่ผมใช้กล้องส่องทางไกล ส่องลงไปตามลาดผาตรงจุดที่ค าดว่าเขาจะพลาดล้มและกลิ้งต กลงไป ผมได้พบร่างของคำนึงที่ไหม้ เกรียมติดค้างอยู่ตรงลาดผาช ่วงกลาง ซึ่งไม่มีทางลงไปหรือขึ้นมา จากข้างล่างได้ ...คืนนั้น เราทำพิธีเคารพศพของคำนึงด้ วยสิ่งของเท่าที่จะหาได้ในเ วลานั้น ขอให้ดวงวิญญาณของเขาผู้ซึ่ งอุทิศตัวเพื่องานที่เขารับ ผิดชอบ จงไปสู่สุคติด้วย”
นอกจากเรื่องของคำนึงแล้ว ในวันที่สืบเข้ามารับตำแหน่ งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว ์ป่าห้วยขาแข้ง ตลอดเวลา 8 เดือนที่ทำงาน ยิ่งทำให้สืบเห็นว่า งานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ านั้นต้องเผชิญอันตรายมากมา ยแค่ไหน
ป่าห้วยขาแข้งเมื่อกว่า 25 ปีก่อน ปัญหาการทำไม้และล่าสัตว์ สร้างความกดดันให้กับสืบเป็ นอย่างมาก ทั้งต้องปกป้องป่าและสัตว์ป ่า และยังต้องคอยเป็นห่วงเป็นใ ยสวัสดิภาพลูกน้องที่ออกไปป ฏิบัติหน้าที่ สืบถึงกับเคยตัดพ้อออกไปว่า “ผมพูดได้เลย มันมีการยิงกันทุกวัน ไปตามก็เจอแต่กองไฟ เจอซากที่ชำแหละไว้เรียบร้อ ย จับมันได้ครั้งหนึ่ง มันพร้อมจะล่าสิบครั้งกว่าจ ะโดนจับ ถูกปรับแค่ 500 บาท คุกก็ไม่ติด กว่าเราจะจับมันได้ ต้องไปอดทนนอนแบกข้าวสารไปก ินในป่า อย่างเมษายนปีที่แล้วลูกน้อ งผมถูกนายพรานยิงตายสองคน เจ้าหน้าที่ยิงก่อนก็ไม่ได้ ถือว่าเกินกว่าเหตุ ผู้ต้องหามันเห็นหน้าเรา มันยิงใส่เราแล้วเราก็ตาย เรามีค่าเหรอ ตายไปอย่างดีก็เอาชื่อมาติด ที่อนุสาวรีย์หน้ากรมป่าไม้ ”
อุปกรณ์ที่ใช้ในการลาดตระเว นของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเ วลานั้น นอกจากหัวใจของผู้พิทักษ์แล ้ว เครื่องไม้เครื่องมือในการป ฏิบัติหน้าที่ถือเป็นสิ่งขา ดแคลน เจ้าหน้าที่มีเพียงปืนลูกซอ งข้างกาย หากเกิดเหตุการณ์คับขันก็ไม ่มีวิทยุสื่อสารเพื่อขอความ ช่วยเหลือ ขณะที่พื้นที่ป่ามีถึง 1 ล้าน 6 แสนไร่ ได้รับงบประมาณดูแลเพียงไร่ ละ 80 สตางค์ต่อปี เจ้าหน้าที่ทำงานไม่มีสวัสด ิภาพสวัสดิการรองรับ เงินเดือนลูกจ้างชั่วคราวได ้รับไม่เกิน 1,500 บาท ในช่วงสิ้นปีงบประมาณก็พบกั บปัญหาการตกเบิก
สืบวิ่งเต้นหาแหล่งเงินทุนเ พื่อมาเป็นสวัสดิการและประก ันชีวิตให้แก่เจ้าหน้าที่ระ ดับล่างในห้วยขาแข้ง และเพื่อสร้างขวัญและกำลังใ จในการปฏิบัติหน้าที่ บางครั้งสืบต้องกลับไปขอยืม เงินจากทางบ้าน เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรั บลูกจ้างที่ตกเบิกไปก่อน
กอบกิจ นาคะเสถียร น้องชายของสืบเล่าให้ฟังว่า “พี่สืบไปขอยืมเงินแม่เดือน ละสองหมื่นบาท แล้วไม่บอกเหตุผลว่าเอาไปทำ อะไร ทางบ้านจึงเข้าใจว่าพี่สืบใ ช้เงินเปลือง เอาไปเลี้ยงผู้หญิงหรือเปล่ า ทีหลังถึงรู้ว่าเอาไปให้ลูก จ้างรายวันในป่ายืมก่อน เพราะเงินเดือนของพวกเขาตกเ บิกช้ามาก พวกนี้ไม่มีอะไรจะกิน พี่สืบก็ต้องเอาเงินจากทางบ ้านออกไปก่อน”
สำหรับตัวของสืบ การช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบั ญชา มันเป็นสิ่งที่มากกว่าคำว่า ‘หน้าที่’
สืบเคยบอกว่า “สิ่งไหนที่ผมช่วยสังคมได้ ผมจะช่วย ที่ผมต้องตะโกนเพราะผมอยากเ ห็นสังคมมันดีขึ้น ผมอยากเห็นคนที่มีโอกาส สละโอกาสให้กับคนที่ไม่มีโอ กาสบ้าง”
สืบ นาคะเสถียร ได้พยายามอย่างสุดความสามาร ถเท่าที่ชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง จะทำได้ และความพยายามนั้นยังตราตรึ งในความรู้สึกของเหล่าผู้พิ ทักษ์ป่าดง
เหมือนดังที่สุรชัย จันทิมาธร เขียนไว้ในเนื้อเพลงเพื่อรำ ลึกถึงหัวหน้ารักษาพงไพรผู้ ล่วงลับ “สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนข้าราชการไทย ไม่เพียงเท่านั้น เป็นขวัญ กำลังใจของคนรักป่า”
สืบเปล่งวาจาออกไปด้วยอารมณ
ดร.อลัน ราบิโนวิทซ์ เพื่อนสนิทของสืบ บอกกับเขาว่า “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับการที่มีใครตาย เพราะการตายไม่ได้อยู่ในควา
ในความเป็นสืบ นาคะเสถียร แม้เราจะรู้จักภาพเขาในฐานะ
เพราะสืบรู้ดีว่า คนที่ทำงานเพื่อรักษาป่าจริ
เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทื
สืบได้เขียนบันทึกถึง คำนึง ณ สงขลา ไว้ว่า “เราทั้งคู่มองหาคำนึง เมื่อไม่เห็นจึงตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ พวกที่เดินกลับไปก่อนย้อนมา
นอกจากเรื่องของคำนึงแล้ว ในวันที่สืบเข้ามารับตำแหน่
ป่าห้วยขาแข้งเมื่อกว่า 25 ปีก่อน ปัญหาการทำไม้และล่าสัตว์ สร้างความกดดันให้กับสืบเป็
อุปกรณ์ที่ใช้ในการลาดตระเว
สืบวิ่งเต้นหาแหล่งเงินทุนเ
กอบกิจ นาคะเสถียร น้องชายของสืบเล่าให้ฟังว่า
สำหรับตัวของสืบ การช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบั
สืบเคยบอกว่า “สิ่งไหนที่ผมช่วยสังคมได้ ผมจะช่วย ที่ผมต้องตะโกนเพราะผมอยากเ
สืบ นาคะเสถียร ได้พยายามอย่างสุดความสามาร
เหมือนดังที่สุรชัย จันทิมาธร เขียนไว้ในเนื้อเพลงเพื่อรำ
สุริยา มาดีกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น