จีนแสวงหาความสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับสหรัฐฯ
ในโอกาสที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กำลังเตรียมเดินทางเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ แครี เกรซี บรรณาธิการข่าวจีนของบีบีซีบอกว่า สหรัฐฯ กับจีนมีความสัมพันธ์กันหลายด้าน แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน และได้กลายเป็นเรื่องยากที่จะจัดการให้อยู่ในกรอบที่วางไว้ ส่วนรอยยิ้ม การยิงสลุตต้อนรับ 21 นัดและงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธี จะมีขึ้นเพียงช่วยกลบเกลื่อนความขุ่นข้องหมองใจไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะในขณะนี้ที่ทั้งสองชาติกำลังเดินเกมเสี่ยงในเรื่องการล้วงข้อมูลและข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
45 ปีที่ผ่านมา จีนมีผู้นำ 5 คน ส่วนสหรัฐฯ มีประธานาธิบดี 8 คน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลก ทำให้จีนผันตัวจากประเทศที่เคยถูกโดดเดี่ยวและไม่มีความสำคัญ ก้าวสู่ประเทศที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้น และสามารถที่จะพบหารือกับสหรัฐฯ ได้ในฐานะที่ทัดเทียมกัน แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ครั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วดำเนินไปตามแนวนโยบายระหว่างประเทศ ที่ปธน. นิกสันได้วางไว้เมื่อปี 2515 โดยก่อนหน้าที่เขาจะได้เดินทางไปจีนเพื่อยุติการเป็นปรปักษ์ต่อกันมาร่วม 20 ปี เขาได้กล่าวไว้ว่า “รัฐบาลจีนกับสหรัฐฯ มีความแตกต่างกันมาก ในอนาคตเราก็จะยังคงมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ต้องทำคือเราจะเห็นต่างกันได้อย่างไร โดยที่ไม่เป็นศัตรูกันในภาวะสงคราม”
43 ปีผ่านไป ผู้นำจีนเตรียมเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เป็นการเยือนในระดับผู้นำของรัฐเป็นครั้งแรก แต่ความท้าทายยังคงเหมือนเดิม นอกจากนั้นเดิมพันของความสัมพันธ์ยังสูงกว่าหนก่อนด้วย อย่างไรก็ตามทั้งสองชาติต่างมีประสบการณ์ในการดำเนินความสัมพันธ์มาแล้ว ซึ่งยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ ว่าแต่ว่าอะไรทำให้ความสัมพันธ์ตอนนี้ยากกว่าแต่ก่อน
บก. ข่าวจีนของบีบีซีรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน. โอบามาเตือนจีนตรง ๆ ถึงเรื่องการล้วงข้อมูลว่า “เมื่อถึงจุดที่เราเห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ เราสามารถเลือกที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นการแข่งขันกันก็ได้ ซึ่งผมยืนยันได้ว่าเราจะชนะ หากเราต้องแข่งกันจริง” ทั้งยังดูเหมือนว่า การพบหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของจีนกับสหรัฐฯ ช่วยเลี่ยงไม่ให้สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรจีน ขณะที่ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้นั้น ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้ ชี้ว่า จีนยังคงเดินหน้าท้าทายคำเตือนของสหรัฐฯ ด้วยการถมทะเลและสร้างสิ่งปลูกสร้างในทะเลจีนใต้ต่อไปเพื่อใช้เป็นฐานทัพ
บก. ข่าวจีนของบีบีซีชี้ว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนต้องพยายามปรับตัวและใส่ใจต่อผลประโยชน์ของอีกฝ่าย เลี่ยงการเดินเกมที่เป็นอันตราย จัดการและควบคุมความเห็นที่ต่างกันให้ได้ นอกจากนั้นจีนยังต้องหาผู้ร่างสุนทรพจน์มือดี ๆ มาร่างสุนทรพจน์สำหรับการเยือนสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เพราะการสำรวจความคิดเห็นในสหรัฐฯ ชี้ว่า คนอเมริกันมีทัศนคติต่อจีนไปในทางที่เป็นลบเพิ่มมากขึ้น แม้ปธน. โอบามาได้กล่าวกับสื่อในสหรัฐฯ ว่า จีนเป็นชาติรักสันติ การผงาดขึ้นมาของจีนเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ และต่อโลก แต่ปธน. สี จิ้นผิง ก็จะต้องหาทางเข้าถึงนักการเมืองและคนอเมริกันให้มากขึ้น และอธิบายให้พวกเขาได้ทราบว่า การก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของจีนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ อย่างไร
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมว่าปธน. สีเป็นผู้นำจีนที่มีนโยบายฟื้นให้ชาติจีนกลับมายิ่งใหญ่ ทั้งนี้เกือบตลอดช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของจีนมีสัดส่วนระหว่าง 1 ใน 4 และ 1 ใน 3 ของโลก แต่ในศตวรรษที่ 20 จีนได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนั้น จีนยังมีแผนสร้างกองทัพให้เกรียงไกรและดำเนินนโยบายทางการทูตให้เท่าเทียมกับความยิ่งใหญ่ด้านเศรษฐกิจ วิธีที่เร็วที่สุด ได้ผลที่สุดและเปลืองตัวน้อยที่สุดที่จะได้มาทั้ง 3 เรื่อง คืออาศัยความร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ความฝันของปธน. สีที่ต้องการฟื้นให้ชาติจีนกลับมายิ่งใหญ่นั้น ทำให้จีนไม่จำเป็นจะต้องทนต่อความพยายามของสหรัฐฯ ในการจัดระเบียบในเอเชีย
ในช่วง 3 ปีแรกที่ปธน. สีเป็นผู้นำ เขาดำเนินนโยบายปราบปรามการทุจริต รณรงค์ให้พรรคคอมมิวนิสต์มีความเข้มแข็งและสนับสนุนการปกครองแบบพรรคเดียว เขาคอยจับตาการถกเถียงในประเด็นเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ยังคุมขังนักวิชาการ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหว สื่อมวลชน ผู้นับถือศาสนาคริสต์และนักวิจารณ์
การโฆษณาชวนเชื่อของจีนสอนให้รู้ว่า สหรัฐฯ ก็เป็นชาติมหาอำนาจอีกชาติหนึ่งที่เป็นปรปักษ์ต่อจีน ซึ่งพยายามกดจีนด้วยอาวุธด้านแนวความคิด ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงในการเมืองฮ่องกงและเป็นมิตรกับดาไล ลามะ ขณะที่ปธน. สี ยืนหยัดในนโยบายของตน เขากล่าวว่า “รองเท้าไม่จำเป็นต้องให้เหมือนกัน แต่เพียงแค่ใส่แล้ว ให้พอดีกับผู้ใส่” บก. ข่าวจีนของบีบีซีชี้ว่า ปธน. สีใช้อำนาจแบบเผด็จการ เนื่องจากเขาเชื่อว่าจีนจำเป็นต้องมีระเบียบวินัย และมีความรู้สึกร่วมกันในเรื่องการรื้อฟื้นให้จีนกลับมายิ่งใหญ่ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารให้คนอเมริกันได้เข้าใจ
ในการเยือนครั้งนี้ ปธน. สีอาจเห็นว่า จีนยังคงมีเรื่องท้าทายใหญ่ ๆ อีกหลายเรื่องในประเทศ และเลี่ยงที่จะปะทะกับสหรัฐฯ ตรง ๆ แต่ถึงเวลานี้ เขาต้องมีนโยบายต่างประเทศที่สะท้อนถึงข้อเท็จจริงที่ว่า จีนก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าแล้ว และในบรรดาประเด็นที่หลากหลาย รวมทั้งเรื่องการลงทุนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น เขาจะร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ บก. ข่าวจีนของบีบีซี เห็นว่า ปธน. สีจะเป็นผู้นำที่ดูชาญฉลาด หากเขาจะหยิบยกการแข่งขันในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ เรื่องทะเลจีนใต้ขึ้นมากล่าว แต่ต้องมีเนื้อหาที่โน้มน้าวให้คนฟังเชื่อได้ และเขาจำเป็นจะต้องแสดงให้เห็นว่า เขาฟังเป็นและสามารถตอบคำถามในประเด็นที่คนอเมริกันเป็นห่วงได้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยในทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจ และนี่จะเป็นรูปแบบใหม่ในความสัมพันธ์ของสองชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่
ภาพประกอบ - แฟ้มภาพ
สริยา มาดีกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น