Jenny Low Li Li and 3 others shared สมาน ศรีงาม's photo.
พระยามโนปกรณ์นิติธาดา...ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ...เป็นยอดนักกฎหมาย...ได้ทำการ.."โอนอำนาจ..มาสู่..รัฐบาลเฉพาะกาล"...แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญ..VS..ลัทธิประชาธิปไตย...และนโยบายเศรษฐกิจแบบซ้ายจัดตามสมุดปกเหลืองของนายปรีดี พนมยงค์..VS..นโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมของพระปกเกล้า ร.๗ "๑ รัฐบาล ๒ นโยบาย" ...ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งทั้งทางแนวทางการเมือง..และ..นโยบายทางเศรษฐกิจ..ดังกล่าวในรัฐบาลจนไม่อาจจะเดินต่อไป...อันจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและประเทศชาติ...
...พระยามโนปกรณ์นิติธาดา...สุดยอดนักกฎหมาย(นิติธาดา)..และผู้นิยมลัทธิประชาธิปไตย และนิยมสันติวิธี และเศรษฐกิจเสรีนิยม...ไม่ใช่วิธีรัฐประหารอันเป็นวิธีรุนแรงเข้าแก้ปัญหา...แต่ใช้.. "กฎหมายสูงสุดเป็นทางดำเนินการ"...คือ..."ความปลอดภัยของประชาชน(ความมั่นคงแห่งชาติ)เป็นกฎหมายสูงสุด" ขอพระราชทานพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ฯ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๗๖ เช่น...
- ให้งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่ขัดต่อพระราชกฤษฎีการนี้
- ปิดประชุมสภาผู้แทนฯ
- ให้คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
- ให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่
- ให้มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
- ฯ
ซึ่งเป็นต้นแบบ..."การปฏิวัติสันติตามหลักพุทธอหิงสาธรรม"(Peaceful Revolution)...เปลี่ยนผ่านอำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อยมาเป็นอำนาจอธิปไตยของปวงชน..หรือ..เปลี่ยนระบอบเผด็จการรัฐสภา..มาเป็น..ระบอบประชาธิปไตย...นั่นคือ..."โอนอำนาจจากรัฐสภา..มาสู่..สภาปฏิวัติแห่งชาติ(สภาประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติในปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๗)..เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒...ที่ได้ต่อสู้มีชัยชนะในเวทีศาลยุติธรรม
ตาม.."ทฤษฎีอำนาจรัฐคู่แบบประชาธิปไตย"(Democratic Government) ตามแบบอย่างของ ร.๕ ร.๖ ร.๗ (องคมนตรีสภา ร.๕, ดุสิตธานีสภา ร.๖, สภากรรมการองคมนตรี ร.๗) ซึ่งเป็นการปฏิวัติสันติที่ดีที่สุดของโลก
...พระยามโนปกรณ์นิติธาดา...สุดยอดนักกฎหมาย(นิติธาดา)..และผู้นิยมลัทธิประชาธิปไตย และนิยมสันติวิธี และเศรษฐกิจเสรีนิยม...ไม่ใช่วิธีรัฐประหารอันเป็นวิธีรุนแรงเข้าแก้ปัญหา...แต่ใช้.. "กฎหมายสูงสุดเป็นทางดำเนินการ"...คือ..."ความปลอดภัยของประชาชน(ความมั่นคงแห่งชาติ)เป็นกฎหมายสูงสุด" ขอพระราชทานพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ฯ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๗๖ เช่น...
- ให้งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่ขัดต่อพระราชกฤษฎีการนี้
- ปิดประชุมสภาผู้แทนฯ
- ให้คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
- ให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่
- ให้มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
- ฯ
ซึ่งเป็นต้นแบบ..."การปฏิวัติสันติตามหลักพุทธอหิงสาธรรม"(Peaceful Revolution)...เปลี่ยนผ่านอำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อยมาเป็นอำนาจอธิปไตยของปวงชน..หรือ..เปลี่ยนระบอบเผด็จการรัฐสภา..มาเป็น..ระบอบประชาธิปไตย...นั่นคือ..."โอนอำนาจจากรัฐสภา..มาสู่..สภาปฏิวัติแห่งชาติ(สภาประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติในปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๗)..เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒...ที่ได้ต่อสู้มีชัยชนะในเวทีศาลยุติธรรม
ตาม.."ทฤษฎีอำนาจรัฐคู่แบบประชาธิปไตย"(Democratic Government) ตามแบบอย่างของ ร.๕ ร.๖ ร.๗ (องคมนตรีสภา ร.๕, ดุสิตธานีสภา ร.๖, สภากรรมการองคมนตรี ร.๗) ซึ่งเป็นการปฏิวัติสันติที่ดีที่สุดของโลก
หมายเหตุ...พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ(Head of State) ย่อมมีความเป็น "องค์รัฎฐาธิปัตย์"(The Sovereign) ทรงใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนเป็นกฎหมายสูงสุดเข้ารักษาความมั่นคงแห่งชาติ ตามหลักนิติธรรม(Rule of Law) ที่ว่า.. "ความมั่นคงแห่งชาติเป็นกฎหมายสูงสุด"..และ "กฎหมายใดขัดต่อหลักนิติธรรมย่อมเป็นโมฆะแม้แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายหลัก(Principle Law)"...ทรงใช้อำนาจตามกฎหมายสูงสุด..ตราพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจจากคนส่วนน้อย(รัฐสภา)...มาสู่..ประชาชน(สภาประชาชนปฏิวัติสันติฯ) เพราะอำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อย(ระบอบเผด็จการ)คือเหตุของความไม่มั่นคงแห่งรัฐ..อำนาจอธิปไตยของปวงชน(ระบอบประชาธิปไตย)..คือ..เหตุแห่งความมั่นคงแห่งชาติ
วันหนึ่งในอนาคต...จะบังเกิดการ.."โอนอำนาจจากคนส่วนน้อย(รัฐสภา)..มาสู่..ปวงชน(สภาประชาชนปฏิวัติสันติฯ)...เพราะประชาชนได้ก่อตั้ง.."สภาประชาชน..ในรูปของ..สภาปฏิวัติแห่งชาติ..สภาประชาธิปไตยแห่งชาติ..สภาประชาชนปฏิวัติแห่งชาติ"..ตามทฤษฎีอำนาจรัฐคู่แบบประชาธิปไตย..เกิดขึ้นแล้ว ดำรงอยู่จริงแล้ว(Existence, Being) ตามธรรมชาติ(De facto) ตามกฎธรรมชาติ.."จาก..ไม่มี..มาสู่..มี, จาก..เล็ก..มาสู่..ใหญ๋..จาก..อ่อนแอ..มาสู่..เข้มแข็ง..มาสู่..ชัยชนะ"...!!!
เพราะ คสช. ไม่อาจจะสร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ได้...แต่สามารถทำให้สถานการณ์จากอนาธิปไตยสุดขีดที่กำลังพัฒนาไปสู่สถานการณ์สงครามยุติลง...ทำให้มีความสงบระดับหนึ่ง และสภาวะอนาธิปไตยหมดไป และวางรากฐานเพื่อ..การปฏิรูปในปฏิวัติ..และนำไปสู่การปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution) ในท้ายที่สุด...เพราะปัจจุบันการเมือง การปฏิวัติ การสร้างประชาธิปไตย...ได้พัฒนาจากระยะที่ ๑ สู่ ระยะที่ ๒ สู่ ระยะที่ ๓ คือ..."จาก..สถาบันพระมหากษัตริย์..มาสู่..สถาบันกองทัพ..มาสู่..สถาบันประชาชน(สภาประชาชนปฏิวัติสันติฯ พรรคประชาชนปฏิวัติสันติฯ)...!!!
คณะวิชาการและยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง
องค์การนำใหม่ สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
องค์การนำใหม่ สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
(ขอขอบคุณท่าน Atipoj Srisukhon ทั้งเนื้อหาและภาพ)
- suriya mardeegun
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น