ประชากรเมืองในปี 2050
โลกแห่งสังคมเมือง (Urban World)
ปัจจุบันประชากรโลกอาศัยอยู่ในเขตเมืองมากกว่าเขตชนบท โดยในปี 2007 คือปีแรกในประวัติศาสตร์ที่ประชาชนคนเมืองมีจำนวนมากกว่าประชากรชนบท โดยตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้เกิดการพัฒนาเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างรวดเร็วและยังคงมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ในปี 2050 มีการคาดการณ์ไว้ว่า จำนวนประชากรที่อาศัยในเมืองจะมีมากขึ้นถึงร้อยละ 66 ของประชากรโลกทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบัน คือ ร้อยละ 54
ระดับความเป็นเมืองของพื้นที่ต่างๆ ในโลกยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะเมื่อพิจารณาสัดส่วนของความเป็นเมืองระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา จะพบว่า ในปัจจุบัน ยุโรปมีประชากรทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองกว่าร้อยละ 73 ซึ่งแตกต่างจากเอเชียและแอฟริกาที่ประชาชนอาศัยอยู่ในเขตเมืองคิดเป็นร้อยละ 48 และร้อยละ 40 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาในเชิงภาพรวมของโลกในปี 2050 ประเทศที่มีรายได้สูง (High Income Country) จะมีระดับความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 คือ จากร้อยละ 80 เป็นร้อยละ 86 ซึ่งต่างจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบน (Upper- Middle Income Country) เช่น จีน บราซิล อิหร่าน และเม็กซิโก เป็นต้น ที่จะมีอัตราความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16 คือจากร้อยละ 63 ในปัจจุบัน เป็นร้อยละ 79 ในปี 2050
การพัฒนาเพื่อเข้าสู่สังคมเมืองที่มากยิ่งขึ้นส่งผลด้านดี เช่น การทำธุรกิจค้าขายเป็นไปสะดวกสบายมากขึ้น จากการที่คนอยู่กันอย่างหนาแน่น การขนส่งสินค้ามีต้นทุนต่ำ นอกจากนี้ยังมีผลทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างบุคคลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความเป็นเมืองมากขึ้นอาจทำให้เกิดการย้ายถิ่นฐานของประชากรอันส่งผลทำให้ปัญหาต่างๆ ในสังคมเมืองทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและรายได้ ปัญหาการบริการจากภาครัฐที่ไม่ทั่วถึง หรืออาจจะเป็นปัญหาจากการอพยพเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว
จากผลกระทบทางด้านบวกและด้านลบดังกล่าว ประเทศควรมีการเตรียมพร้อม มีการกำหนดนโยบายในการใช้ประโยชน์จากความเป็นเมืองที่มากขึ้น และนโยบายในการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความเป็นเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นภายใน ต้องมีการคำนึงว่าจะจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอย่างไร เพื่อให้ประชาชนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ มีความเหลื่อมล้ำในระดับที่ต่ำ มีระบบการศึกษา มีระบบคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพ มีระบบสาธารณสุขที่เพียงพอต่อความต้องการของคนในเมือง การวางแผนพัฒนาประเทศระยะยาวอาจช่วยให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุดจากความเป็นเมืองที่สูงขึ้นและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ดังนั้น เมื่อถึงปี 2050 มีความสำคัญต่อที่อยู่อาศัยคือมีการเพิ่มขึ้นของประชากรมากขึ้น และมีการเกิดสิ่งก่อสร้างที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมากมายตามมา
suriya mardeegun
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น