วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

น.ศ. ชุมนุม อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ เรียกร้องต่อต้านรัฐประหาร..คืนอำนาจให้ประชาชน



"น.ศ. เจตนาประชาธิปไตย..แต่ไป..เรียกร้องเผด็จการรัฐสภา"...!!!
"คสช. เจตนาประชาธิปไตย..แต่ไป..รักษาเผด็จการรัฐสภา"...!!!

"น.ศ. ชุมนุม อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ เรียกร้องต่อต้านรัฐประหาร..คืนอำนาจให้ประชาชน"...!!!

ปรากฏการณ์ของ.."เจตนารมณ์ประชาธิปไตย..แต่..ขอเรียกร้องเผด็จการรัฐสภา" ของนักศึกษากลุ่มหนึ่งคือ.."กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" ที่ได้ทำความเคลื่อนไหวชุมนุมประชาชนที่อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘

มีความประหลาย หรือวิปริตอาเพศ อยู่หลายอย่าง ในการเคลื่อนไหวของนักศึกษาครั้งนี้ คือ...
๑. ไปชุมนุมที่อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นผลงานของเผด็จการจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ เพื่อหลอกลวงประชาชนว่า...
- "รัฐรรมนูญ..คือ..ประชาธิปไตย"
- "ลัทธรัฐธรรมนูญ..คือ..ลัทธิประชาธิปไตย"
- "ระบอบเผด็จการรัฐสภา..คือ..ประชาธิปไตย"
- "รัฐธรรมนูญ..คือ..เครื่องมือสร้างประชาธิปไตย"

๒. ข้อเรียกร้อง.."คืนอำนาจให้ประชาชน"...เป็นข้อเรียกร้องที่ขัดต่อเจตนารมณ์ประชาธิปไตย เพราะการให้คณะรัฐประหาร คสช. คืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งก็คือการ.."คืนอำนาจให้แก่เผด็จการรัฐสภา" ที่หลอกลวงประชาชนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกโค่นล้มลงไปโดย คสช.เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เพราะนักศึกษาและประชาชนบางส่วนที่ไปร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องชุมนุมครั้งนี้ เข้าใจผิด หรือมีความเห็นผิด(มิจฉาทิฎฐิ)ว่า.. "ระบอบเผด็จการรัฐสภา..คือ..ระบอบประชาธิปไตย" ซึ่งเป็นปัญหาความเห็น หรือปัญหาทฤษฎี หรือ Theoretical Problem ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงฯ เมื่อ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ เพราะการ.."คืน"..จะต้องคืนให้แก่เจ้าของเดิม เช่น นาย ก. ยืมเงินมาจากนาย ข. เวลาคืนนาย ข. จะต้องคืนเงินให้แก่นาย ก. เจ้าของเดิม จะไปคืนให้นาย ค. ไม่ได้เพราะไม่ใช่ลักษณะการคืน(Give Back) เมื่อคณะราษฎรไปแย่งชิงเอาอำนาจอธิปไตยมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์เมื่อ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ เวลาคืนอำนาจ...ผู้รับมรดกสืบทอดอำนาจจากคณะราษฎร คือ เผด็จการรัฐประหาร(เผด็จการทหาร)และเผด็จการรัฐสภา(เผด็จการพลเรือน)..จะต้องคืนอำนาจให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์เจ้าของอำนาจเดิม เช่นเดียวกับ.."ฝรั่งเศษเอาแผ่นดินมณฑลบูรพาไปจากไทย(ลาวฝั่งขวาและเขมรใน)ไปจากสยาม(ไทย)...เมื่อฝรั่งเศสถอนตัวออกจากภูมิภาคอินโดจีน..ก็จะต้องคืนดินแดนมณฑลบูรพาให้แก่ไทย...แต่ฝรั่งเศสกลับไปคืนดินแดนให้แก่ลาวและเขมร...ซึ่งเป็นการโอนอำนาจหรือการคืนดินแดนที่ผิด"...ซึ่งไทยก็ยังคงเป็นเจ้าของดินแดนมณฑลบูรพาตามอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. ๑๙๔๑ (มณฑลบูรพามีพื้นที่ ๖๙,๐๒๖ ตารางกิโลเมตร จำนวน ๔ ประเทศ คือ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดนครจำปาศักดิ์ จังหวัดลานช้าง)

๓. การคืนอำนาจนั้น จะต้องคืนให้แก่เจ้าของเดิม จะไม่สามารถคืนให้แก่ประชาชนได้ เพราะประชาชนไทยไม่เคยมีอำนาจอธิปไตย(Sovereignty)มาก่อนเลย หรือไม่เคยมีระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง และขณะนี้อำนาจอธิปไตยเป็นของคณะรัฐประหาร คสช. ดังนั้น จะต้องคืนให้แก่เจ้าของอำนาจอธิปไตยในอดีต คือ คืนแด่สถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวคือ.. "คืนอำนาจอธิปไตยให้แด่พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ที่คณะราษฎรได้ไปแย่งชิงอำนาจอธิปไตยมาเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ เมื่อ ๘๓ ปีที่ผ่านมา นั่นเอง ผู้ที่จะคืนอำนาจคือผู้สืบทอดมรดกอำนาจของคณะราษฎร ที่ยึดถือปฏิบัติแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญอันเป็นลัทธิเผด็จการ นั่นคือ...
- ระบอบเผด็จการรัฐสภา(เผด็จการพลเรือน)
- ระบอบเผด็จการรัฐประหา(เผด็จการทหาร)
กล่าวโดยชัดเจนคือ.. "เผด็จการรัฐประหาร..และ..เผด็จการรัฐสภา"..จะต้องคืนอำนาจแด่สถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะในประเทศ.."เอกราชเอเซีย ๓ ประเทศ คือ จีน ไทย ญี่ปุ่น มีวิธีการสร้างประชาธิปไตยคือ..พระมหากษัตริย์ทรงมอบอำนาจให้แก่ประชาชน...ถ้าพระมหากษัตริย์ถูกขัดขวางไม่ให้มอบอำนาจให้ประชาชน การสร้างประชาธิปไตยก็จะไม่สามารถสร้างได้สำเร็จเลย"
ดังนั้น การคืนอำนาจพระมหากษัตริย์ก็เพื่อสร้างประชาธิปไตย เพื่อพระมหากษัตริย์จะได้ทรงมอบอำนาจให้ประชาชนต่อไป ฉะนั้น วิธีการสร้างประชาธิปไตยของไทยคือ.. "เผด็จการ(รัฐสภาและรัฐประหาร)..คืนอำนาจแด่พระมหากษัตริย์เพื่อทรงมอบอำนาจให้แก่ปวงชนชาวไทย"...!!! เรียกเป็นยุทธศาสตร์ว่า...
.."คืนอำนาจแด่พระมหากษัตริย์เพื่อทรงมอบอำนาจให้แก่ปวงชนชาวไทย"..!!
อันเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจอธิปไตย(Transition of Power)..."จาก..เผด็จการ ๒ รูป..มาสู่..พระมหากษัตริย์..มาสู่..ปวงชนชาวไทย"
จึงเป็นการคืนอำนาจที่ก้าวหน้า(Forward or Progressive)เป็นวิธีการสร้างประชาธิปไตยของไทย ไม่ใช่การคืนอำนาจเพื่อกลับไปเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ผิดกฎเกณฑ์ธรรมชาติของพัฒนาการแต่อย่างใดทั้งสิ้น การถอยหลังประวัติศาสตร์ย่อมกระทำไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
...แต่การคืนอำนาจให้แก่เผด็จการรัฐสภา(เผด็จการพลเรือน)โดยเผด็จการรัฐประหาร(เผด็จการทหาร)ที่ผิดและล้าหลังตามข้อเรียกร้องที่ผิดหรือล้าหลัง(Backward)ของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า "กลุ่มดาวดิน" หรือ "กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" ที่หลอกลวงตามข้อเรียกร้องที่ว่า.."คืนอำนาจให้ประชาชน"...!!! (นักศึกษาไม่ได้หลอกลวงโดยเจตนา...แต่เพราะความเข้าใจผิดมิจฉาทิฎฐิ) เรียกทางยุทธศาสตร์ว่า...
..."จาก..เผด็จการทหาร..มาสู่..เผด็จการพลเรือน"...!!!

๔. เกิดการกลับหัวกลับหาง(Up side down)..คือ..
- "ทหารทำการรัฐประหารเพื่อจะยกเลิกเผด็จการรัฐสภาสร้างประชาธิปไตย"
- "นักศึกษาทำการชุมนุมเพื่อจะคืนอำนาจให้เผด็จการรัฐสภาเป็นเงื่อนไขรักษาเผด็จการรัฐประหาร"
เกิดปรากฏการณ์.."ฝ่ายล้าหลังกลับก้าวหน้า..แต่..ฝ่ายก้าวหน้ากลับล้าหลัง"
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสถานการณ์ปฏิวัติกระแสสูง(High tide of revolutionary situation) จะทำให้ฝ่ายประชาชนกับฝ่า่ยทหาร(กองทัพแห่งชาติ)ได้ร่วมมือกันนำสร้างประชาธิปไตย โดยทหารสนุนประชาชนสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จ ฝ่ายที่หลอกลวงว่าเป็นฝ่ายก้าวหน้าก็จะเผยธาตุแท้(Essence)ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นเผด็จการรัฐสภาไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่อย่างใดทั้งสิ้น จึงไม่อาจจะหลอกลวงประชาชนหลงเชื่อเดินตามแนวทางผิดลัทธิรัฐธรรมนูญ หรือแนวทางเผด็จการรัฐสภาอีกต่อไป

แต่ คสช. ก็ไม่ต่างกับนักศึกษากลุ่มดังกลาว่นี้เท่าใดนัก เพราะ คสช. มี.. "เจตนารมณ์ประชาธิปไตย..แต่..ปฏิบัติแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญที่เป็นลัทธิเผด็จการ..หรือ..เป็นระบอบเผด็จการรัฐสภา"...!!!
ดังนั้น ทั้งนักศึกษาและ คสช. ก็ยังมีข้อเรียกร้องและแนวทางปฏิบัติไปสู่.."ระบอบเผด็จการรัฐสภา"..เหมือนกันอย่างเป็นไปเอง เพราะต่างก็ยึดถือแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญอันเป็นลัทธิเผด็จการอุดมการอันเดียวกัน

ดังนั้น ถ้าจะแก้ไขก็จะต้องแก้ไขทั้งนักศึกษาและ คสช. นั่นคือ...
- นักศึกษา..เสนอให้คืนอำนาจแด่พระมหากษัตริย์เพื่อทรงมอบอำนาจให้แก่ปวงชนชาวไทย หรือผลักดันให้ คสช. สร้างประชาธิปไตยตามแนวทางลัทธิประชาธิปไตยของ ร.๕ ร.๖ ร.๗ และนโยบาย ๖๖/๒๓ ขั้นตอนที่ ๒ ละทิ้งแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญอันเป็นลัทธิเผด็จการ ที่กำลังยึดถือเคลื่อนไหวมาโดยตลอดนั้นอย่างสิ้นเชิง เช่น การต่อต้านการรัฐประหารแบบประชาธิปไตย แต่ต่อต้านเพียงการรัฐประหารแบบเผด็จการเท่านั้น และเลิกการเรียกร้อง.."คืนอำนาจให้ประชาชน"...หันมาผลักดันให้ คสช.มอบอำนาจให้ประชาชนโดยตรงตามแนวทางลัทธิประชาธิปไตย คือ การสร้างอำนาจอำนาจอธิปไตยของปวงชน(Sovereignty of the people)
- คสช...เปลี่ยนแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญ..มาสู่..แนวทางลัทธิประชาธิปไตย หันมาสร้างประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จโดยรัฐบาลเป็นผู้สร้างและมีนโยบายเป็นเครื่องมือสร้าง เลื่อนขั้นตอนร่างรัฐธรรมนูญออกไปอยู่หลังขั้นตอนการสร้างประชาธิปไตย เพราะ...
ก. นโยบาย..ต้องมาก่อน..กฎหมาย...!!!
ข. ประชาธิปไตย..ต้องมาก่อน..รัฐธรรมนูญ...!!!
ค. เหตุ(Course)..ต้องมาก่อน..ผล(Effect)
ง. ปฐมภูมิ(Primary)..ต้องมาก่อน..ทุติยภูมิ(Secondary)
จ. ของจริงหรือความจริงแท้(Reality)..ต้องมาก่อน..ความจริง(Truth)

คณะวิชการและยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง
สภาประชาชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
พรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันติ
สถาบันปฏิวัติสันติพุทธอหิงสาธรรมประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
วันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
โทร. ๐๘๙-๘๘๖-๐๘๖๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น